ปส.โชว์ผลงานจับยาบ้า 3 คดี 1.6 ล้านเม็ด รวบ 2 ต่างชาติคาสุวรรณภูมิ ซุกโคเคนในครีมบำรุงผิว(คลิป)

เมื่อเวลา 08.30น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์,พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผบช.ปส. พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเนิด ผบก.ปส. 3ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม ขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 4 คดี ดังนี้

คดีแรกตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด (บก.สกส.บช.ปส.) บก.ปส.4 และ บก.ขส.บช.ปส. ร่วมกันจับกุม นายอาแว สาแล๊ะ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 12 หมู่ 7 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา นายก่อเส็ม เอียดขาว อายุ 40 ปี ที่อยู่ 65 หมู่.7 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง น.ส.อภิญญา หมัดจันทร์ อายุ 28 ปีที่อยู่ 110 หมู่ 3 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง น.ส.นูรไอนี สาแหละ อายุ 24 ปี ที่อยู่ 53 หมู่ 1 ต.โละจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส พร้อมยาบ้า 988,000 รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน กง 8802 นราธิวาส โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง อาวุธปืนพกขนาด .45 มม. 1 กระบอก พร้อมกระสุน 7 นัด จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 3 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ บก.สกส.บช.ปส. ได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปแหล่งพักยา จึงได้เฝ้าติดตาม จนพบรถยนต์เก๋งมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน กง 8802 นราธิวาส เข้ามาจอดที่บ้านเลขที่ 110 ม.3 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง จึงแสดงตัวและขอตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ด้านหลังพนักพิงเบาะด้านหลัง ดัดแปลงเป็นที่ซุกซ่อน 724,000 เม็ด จึงขยายผลเข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว พบยาบ้าซุกซ่อนไว้อีก 264,000 เม็ด ถูกฝังไว้ใต้พื้นห้องน้ำหลังบ้าน รวม 988,000 เม็ด จึงตรวจยึดไว้ทั้งหมด ผู้ต้องหาทั้งหมดสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างให้เก็บพักยาและลำเลียงไปส่งยัง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เบื้องต้น แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมขยายผลการจับกุมบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯต่อไป

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ด่านตรวจยานพาหนะชุมพร กก.2 บก.ปส.4 เจ้าหน้าที่ ตชด.414 สภ.ท่าแซะ จับกุมตัว นายสุริยันต์ แก้วศรีจันทร์อายุ 26 ปี ที่อยู่ 106 ม.10 ต.โพนงาม อ.หนองหาญ จ.อุดรธานี พร้อมยาบ้า 300,000 เม็ด รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ฎจ 3767 กรุงเทพมหานคร 1 คัน โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 1 เครื่อง จับกุมได้ที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ถนนเพชรเกษม (กรุงเทพฯ-ชุมพร) ม.2 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ โดยตำรวจด่านตรวจยานพาหนะชุมพร กก.2 บก.ปส.4 ได้สนธิกำลังร่วมกับ ตชด.414, สภ.ท่าแซะ, สภ.บ้านมาบอ ามฤต, สภ.ปะทิว, สภ.สลุย, และกก.ปพ.บก.สส.ภ.8 ตั้งจุดตรวจบริเวณริมถนนเพชรเกษม (กรุงเทพฯ-ชุมพร) หน้าที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ขณะปฏิบัติหน้าที่พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน ฎจ 3767 กรุงเทพมหานคร ขับผ่านมาตามถนนเพชรเกษมมุ่งหน้า จ.ชุมพร มีท่าทีพิรุธต้องสงสัย จึงเรียกให้หยุดเพื่อตรวจค้น พบนายสุริยันต์ แก้วศรีจันทร์ เป็นผู้ขับขี่ พบยาบ้า 300,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณด้นหลังเบาะที่นั่งผู้โดยสารของรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว จึงยึดยาบ้า และจับกุมนายสุริยันต์ไว้ เบื้องต้น แจ้งข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.4 ดำเนินคดี และขยายผลต่อไป

2
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ตำรวจ บก.ปส.3 ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกันจับกุม นายคมกริช จันทร์ลือชัย อายุ 42ปี อยู่บ้านเลขที่ 374 หมู่ 12 ต.นาแก้ว อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร นายภูสิทธิ์ ชัยบุรีโอภาส อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 290 หมู่ 7 ต.ม่วงยาย อ.ม่วงยาย จ.เชียงราย นายอลงกรณ์ คงธนะ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109/1 หมู่7 ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี และนายจุลพงศ์ แซ่ลี้ อายุ 43ปี อยู่บ้านเลขที่ 146/40 ตรอกบ้านบาตร แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 227,400 เม็ด รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีเทา ทะเบียน 1กฬ691 กทม. รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า ทะเบียน 7ฐ4627 กทม. และโทรศัพท์มือถือ จำนวน6 เครื่อง ในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนหน้านี้ชุดจับกุมไปรับว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ได้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือนำมาเก็บพักไว้ในจ.นนทบุรี โดยมีนายคมกริชขับรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ส เข้ามาพบนายภูสิทธิ์ ที่อาคารนนท์ซิตี้ ทาวเวอร์ ซ.นนทบุรี14 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี จากนั้นนายภูสิทธิ์ ได้เข้ามาเปิดท้ายรถของนายคมกริชจากนั้นได้หยิบยาบ้าที่ใส่ไว้ในถุงพลาสติกสีส้มออกไป จากนั้นนายคมกริชได้ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเห็นจึงเชื่อว่าทั้งคู่ได้ลำเลียงยาเสพติดกันเรียบร้อยแล้ว จึงแสดงตัวเพื่อเข้าตรวจค้น จึงพบยาบ้า 56,000เม็ด จึงยึดไว้เป็นของกลาง และทำการจับกุมนายคมกริชและทำการตรวจค้นพบยาบ้าอีก30,000เม็ด

Advertisement

“จากการสอบสวนสารภาพว่ายาบ้าดังกล่าวจะนำไปส่งมอบให้ลูกค้าตามคำสั่งนายจ้างต่อจากนั้นทั้งสองได้ให้ความร่วมมือกับเจ่าหน้าที่ตำรวจ โดยนายคมกริชนำเจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผล ติดต่อและจับกุมนายอลงกรณ์ ได้ขณะเจ้ารับยาบ้าจำนวน30,000เม็ด ที่จับกุมไปก่อนหน้านี้ ส่วนนายภูสิทธิ์ นำเจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผล ติดต่อ และจับกุมนายจุลพงศ์ ได้ขณะเข้ารับยาบ้าจำนวน 56,000เม็ดที่ได้ยึดเป็นของกลางไปก่อนหน้านี้ จากนั้นตำรวจได้เข้าตรวจค้นห้องพักของนายคมคริช พบยาบ้า132,000เม็ด และเข้าค้นบ้านของนายภูสิทธิ์พบยาบ้าอีกจำนวน9,400เม็ด จึงจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนบก.ปส.3 ดำเนินคดี” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าว

พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเนิด ผบก.ปส. 3 แถลงคดีที่ 4 ว่า จับกุมน.ส.เจนนี่ คาร์เมน เดล์ โนซิโอ อาคูญ่า ปาเช็คโก ชาวเอกวาดอร์ อายุ 55ปี และ นาย มิคาเอล ชาบานอฟ อายุ 31ปี ชาวรัส.เชีย โดยจับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางนา พร้อมโคเคนบรรจุในครีมบำรุงผิว 7 รายการ น้ำหนัก 2,350 กรัม เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดย ได้รับแจ้งจากว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดซุกซ่อนมากับผลิตภัณฑ์เสริมความงามจำพวกครีมบำรุงผิว จากประเทศเปรูมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อส่งต่อให้กับลูกค้าชาวรัสเซียในไทย กระทั่งพบผู้ต้องหาคือ เจนนี่ คาร์เมน เดล์ โนซิโอ อาคูญ่า ปาเช็คโก ชาวเอกวาดอร์ อายุ 55ปี มีท่าทีมีพิรุธ จึงแสดงตัวทำการตรวจค้น กระทั่งพบครีมบำรุงผิวจำนวน 7 กระปุก อยู่ในกระเป๋าเดินทาง จากการตรวจสอบด้วยสารเคมีและเครื่องตรวจยาเสพติดพบว่า ครีมดังกล่าวมีการผสมโคเคน จึงได้ทำการจับกุม ซึ่งน.ส.เจนนี่รับสารภาพว่าขนยาดังกล่าวมายังประเทศไทย เพื่อส่งต่อให้กับชาวรัสเซีย คือนาย มิคาเอล ชาบานอฟ อายุ 31ปี ชาวรัสเชียที่จะมารอรับที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางนา ตำรวจจึงขยายผลกระทั่งสามารถจับกุมได้ดังกล่าว

 

 

จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยาเสพติดดังกล่าวรับมาจากประเทศเปรู ส่งลูกค้าชาวต่างชาติในไทย อยู่ระหว่างการขยายผลเครือข่ายลูกค้าขบวนการนี้ ทั้งนี้วิธีการแอบผสมยาโคเคนมากับครีมต่างๆถือเป็นวิธีการใหม่ตบตาเจ้าหน้าที่เพื่อให้ยากต่อการจับกุม ซึ่งหากดูผิวเผินมีลักษณะคล้ายครีมบำรุงผิวทั่วไป ก่อนนำไปสกัดสารแยกตัวครีมกับสารเสพติดและนำไปจำหน่าย ต่างจากวิธีการเดิมที่ส่วนใหญ่จะนำเข้าเป็นผงซุกซ่อนตามช่องกระเป๋า หรือนำมาซักผสมใส่ในผ้าก่อนที่จะละลายกับน้ำ และรอสกัดจนเป็นผงยา สำหรับกลุ่มลูกค้านั้นจะเป็นกลุ่มนักเที่ยวราตรีตามสถานบันเทิงต่างๆ อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างการขยายผลเชื่อมโยงเครือข่ายและกลุ่มลูกค้าต่อไป แจ้งข้อหา”ร่วมกันมียาเสพติดประเภท2 (โคเคน) เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”, “ร่วมกันนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image