ทนายตั้ม ให้ปากคำ ป.ป.ช. คดีเครือข่ายเว็บพนัน -18 ธุรกิจสีเทา เอี่ยวโยง ‘บิ๊กต่อ’
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถนนนนทบุรี 1 อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมาให้ปากคำกับ ป.ป.ช. กรณีที่เคยมีการยื่นเรื่องให้ ปปป.ตรวจสอบเครือข่ายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่มีส่วนพัวพันกับ 18 ธุรกิจผิดกฎหมาย รวมทั้งเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์
นายษิทรากล่าวว่า วันนี้ ป.ป.ช.เชิญมาให้ถ้อยคำ หลังจากที่ตนได้ไปยื่นเรื่องกับ ปปป.เพื่อให้ตรวจสอบและทำการสืบสวน โดยยื่นผ่าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่กลับไม่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกระทำความผิดในเครือข่ายพนันออนไลน์ แล้วส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการเลย ทั้งนี้ยอมรับว่าส่วนตัวยังงงว่าทำไมถึงส่งเรื่องมาที่ ป.ป.ช.เลย เพราะตนเองยังไม่ได้แจ้งเอาผิดใคร เพียงแค่ส่งเรื่องให้ ปปป.สืบสวนเท่านั้น
นายษิทรากล่าวอีกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ใหญ่แค่ไหนก็จับ ไม่เคยเลียตูดเจ้านาย และหากพบเครือข่ายผิดก็จับดำเนินคดี ตนเองจึงนึกว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติจะทำเรื่องสืบสวนก่อน แต่เขาส่งเรื่องมาที่ ป.ป.ช.เลยจึงถือเป็นการผิดคาดจากที่รับปากไว้
เรื่องนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็คงไม่ทราบเรื่อง และมองว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติก็เป็นลูกน้อง พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ ก็คงไม่กล้าที่จะทำให้ระคายเคือง เลยรีบโยนเรื่องมาที่หน่วยอื่นอย่าง ป.ป.ช. ซึ่งตามหลักก็สามารถทำได้ แต่ตนเองมองว่าหากเทียบกับคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. คงสืบสวนเองไปแล้ว และคงรวบรวมพยานหลักฐานจนใกล้จับตัวได้ หรือจับตัวได้แล้วค่อยส่ง ป.ป.ช. สิ่งนี้จึงชี้ให้เห็นว่าตำรวจมีการกระทำที่สองมาตรฐาน ซึ่งเป็นเทคนิคของตำรวจ หากอยากส่งก็ส่งเร็ว และหากยังไม่ส่งก็สืบต่อไปเรื่อยๆ
นายษิทรากล่าวว่า ตอนแรกตนเองก็หวังว่าตำรวจที่มีกำลังทั่วประเทศในการสืบสวนสอบสวน ก็คงจะรวบรวมหลักฐานให้ใกล้เสร็จก่อนค่อยส่ง ป.ป.ช. แต่นี่ส่งเรื่องมาเลย กว่า ป.ป.ช.จะใช้เวลาไต่สวนคงอีกหลายปี หรือไม่ต่ำกว่า 5 ปี ตนมองว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ยึดหลักกฎหมาย เนื่องจากบางคนมาจากสายปกครองไม่ใช่สายสืบสวนหรือทำงานเรื่องนี้โดยเฉพาะ รวมถึงบางคนก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องกฎหมายด้วย ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้เป็นการด้อยค่า แต่เป็นความรู้สึกลึกๆ ในใจ และเรื่องคดี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่อยากให้ส่งมา ป.ป.ช. เพราะเดี๋ยวเขาคงหาทางออกกันได้
เนื่องจากระบบประเทศไทยเป็นแบบนี้ ที่เป็นระบบที่เอื้อเฟื้อและช่วยเหลือกัน ส่วนคดีที่ สน.เตาปูนที่ตนเองไปแจ้งความ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการเริ่มสตาร์ตและยังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ เพราะยังมาขอเอกสารเพิ่มเติมมาที่ตนเองอยู่
ทั้งนี้ ตนเองก็ไม่ได้มีเอกสารมาให้ ป.ป.ช.เพิ่มเติมในวันนี้ เพราะเอกสารไปครบหมดแล้ว ทั้งที่ ปปป.และที่ สน.เตาปูน ซึ่งเป็นทั้งเอกสารเส้นทางการเงินของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่พบว่ามีบัญชีม้าเว็บพนัน โอนไปซื้อวัสดุก่อสร้างเพื่อทำรีสอร์ตของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และภรรยา ที่เขาใหญ่ และเส้นเงินจากบัญชีม้า โอนเงินทำบุญโดยมีชื่อของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เป็นเจ้าภาพ รวมถึงบัญชีส่วย 18 ธุรกิจก็นำมาให้การครบทุกที่หมดแล้ว ถ้าหลักฐานแบบนี้ไม่ผิดกฎหมายฟอกเงินก็คงไม่ต้องไปใช้กฎหมายฟอกเงินกับใครแล้ว และเชื่อว่าหากหลักฐานขนาดนี้เป็นคนธรรมดาก็คงติดคุกไปแล้ว
นายษิทรากล่าวว่า แต่ระบบประเทศไทยเป็นระบบที่ช่วยเหลือกัน อย่างกรณีที่ตนเองทราบมาเครือข่ายลูกอดีต ส.ว. ก็มีความเชื่อมโยงกับตำรวจที่เป็นลูกน้องของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพราะบุคคลเหล่านี้ได้รับการอุปถัมภ์จากทั้งสองนาย จนเป็นที่รู้กันว่าโผการแต่งตั้งที่ผ่านมา พล.ต.ท.สำราญเป็นคนทำโผ ทำให้ฝ่ายการเมืองไม่พอใจเท่าไร เพราะมีแต่ฝ่ายตั๋วช้าง รวมถึงเป็นตั๋วที่ได้รับการโปรโมตอยู่ในตำแหน่งที่ดี และมีกระแสข่าวว่าได้รับการสนับสนุนขึ้นเป็นผู้บังคับการ 191