พี่สาว ‘ชูวงษ์’ ขอให้กรมราชทัณฑ์ บังคับโทษประหาร “บรรยิน” ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ทั้ง 2 คดี โฆษกราชทัณฑ์แจงขั้นตอนตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 สิงหาคม ที่กรมราชทัณฑ์ ถนนนนทบุรี 1 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาว นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ที่ถูก นายบรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการพาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย วางแผนฆาตกรรมอำพราง จนกระทั่งศาลฎีกามีคำตัดสินประหารชีวิต เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 เป็นการปิดฉากคดีฆาตกรรมอำพรางที่ครอบครัวโดยนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ และนางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวของนายชูวงษ์ ใช้เวลาต่อสู้คดี เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้สามีและน้องชายมาอย่างยาวนานกว่า 9 ปี
โดยนางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ ได้นำเอกสารมายื่นท้วงถามกับทางกรมราชทัณฑ์ ว่าจะดำเนินการประหารชีวิตนายบรรยิน ตั้งภากรณ์ โดยมีนายสมภพ สังคุตแก้ว รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้ออกมารับหนังสือ
นายสมภพ สังคุตแก้ว รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ตนได้รับคำพิพากษาจากศาลว่าคดีนี้ประหารชีวิต ซึ่งตามขั้นตอนในการปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์ จะให้ผู้ต้องขังได้ยื่นถวายฎีกา ซึ่งถือเป็นขั้นตอนในการปฏิบัติ ตามสิทธิของผู้ต้องขังภายใน 60 วัน ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์จะรวบรวมเอกสารทั้งหมด ส่งไปตามความต้องการของผู้ต้องขัง ถึงผู้ต้องขังจะเป็นนักโทษเด็ดขาดคดีร้ายแรง ทางกรมราชทัณฑ์ไม่มีสิทธิคัดค้าน
นายสมภพกล่าวอีกว่า ส่วนคำถวายฎีกาออกมาเป็นอย่างไรต้องปฏิบัติตาม ทางกรมราชทัณฑ์เป็นฝ่ายควบคุมตัว ไม่มีอำนาจในการตัดสิน และต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา แต่ตามกฎหมายเราก็ต้องให้โอกาสกับผู้ต้องขัง เพื่อที่จะทูลเกล้าถวายฎีกาภายใน 60 วัน และคำถวายฎีกาผลออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ต้องทำตามกฎหมาย ทั้งนี้ในส่วนของนักโทษเด็ดขาดที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต มีอยู่ประมาณ 300 คน ซึ่งทุกคนก็มีสิทธิที่จะยื่นทูลเกล้าถวายฎีกาตามกรอบของกฎหมาย
นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวนายชูวงษ์ กล่าวว่า ตนจะมายื่นเอกสารให้รัฐมนตรี เรื่องนักโทษที่ศาลตัดสินประหารชีวิตทั้ง 3 ศาลแล้ว ซึ่งศาลมีความเห็นลงโทษไว้ขั้นสูงสุด ในคดีที่ฆาตกรรมนายชูวงษ์ เพื่อปิดบังซ่อนเร้นในการโกงหุ้น อีกคดีคือคดีอุ้มฆ่านายวีรชัย พี่ชายของผู้พิพากษาที่ทำคดีตัดสินคดีโกงหุ้น ซึ่งนักโทษเด็ดขาดทั้ง 2 คดีนี้ และมีคดีที่ตัดสินแล้วอีก 5 คดี เป็นนักโทษที่ทำผิดซ้ำซากและก่อเหตุร้ายแรง มีคดีโกงหุ้นอีก 8 ปี และคดีที่ ป.ป.ง.เกี่ยวกับฟอกเงิน 20 ปี มีคดีแหกคุก ข่มขู่อุ้มภรรยาผู้บัญชาการเรือนจำ ศาลได้ตัดสินอีก 3 ปี ทั้งหมดรวมคดีอาญาทั้งหมด 5 คดี ตนจึงอยากทำหนังสือชี้แจงให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รู้ว่าควรจะได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาล
นางวันเพ็ญกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานักโทษประหารในรอบ 10 ปี จะได้ข่าวว่าถูกประหารสักกี่คน ล่าสุดคือปี 2561 หลังจากนั้นก็ไม่มีใครถูกประหารจริง ไม่ว่าจะตัดสินมากี่คดี ซึ่งทุกคนที่เป็นนักโทษประหารติดคุกไม่เกิน 10 ปีก็จะได้ออกมาแล้ว ตนกังวลว่านักโทษคนนี้ก่อคดีร้ายแรงและอุกอาจ ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่ทำงานด้วยความยากลำบาก และปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีแล้ว จึงอยากให้กรมราชทัณฑ์ได้ยึดถือคำพิพากษาของศาลฎีกา ประหารนักโทษตามคำพิพากษา
ส่วนที่นักโทษขอยื่นอภัยโทษ ตนก็คิดว่าเป็นสิทธิของนักโทษที่สามารถยื่นได้ อันนี้ตนจะไม่ก้าวล่วงว่าจะได้อภัย แต่ถ้านักโทษจะได้อภัยโทษต้องมาจากต้นทางคือกรมราชทัณฑ์ว่านักโทษอยู่ระดับชั้นไหน วันนี้ตนจึงต้องทำหนังสือมาชี้แจงให้ท่านอธิบดีได้รับทราบ เพื่อให้ทราบว่านักโทษท่านนี้มีทั้งหมดกี่คดีและทำรายละเอียดมาให้ท่านทราบ เพื่อให้ทางกรมราชทัณฑ์พิจารณาว่าสมควรทำหนังสือขออภัยโทษไปหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้ไปยื่นเรื่องที่รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแล้ว
นางวันเพ็ญกล่าวอีกว่า ตอนที่ตนไปฟังคำตัดสิน และผู้พิพากษาอ่านคำตัดสิน เห็นนักโทษคนนี้ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรนั่งแบบสบาย ไม่มีความสะทกสะท้าน ซึ่งไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ คงจะมั่นใจว่าไม่ถูกประหาร ตนมีความกังวล ถ้าเขารับโทษประหารแล้วติดคุกไม่นานก็ถูกปล่อยตัว ซึ่งตนต่อสู้มาตลอด 9 ปี มีความยากลำบากมาก ทั้งถูกข่มขู่ ถูกคุกคาม จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องระวัง และถ้านักโทษถูกปล่อยตัวออกมาจะเกิดอะไรขึ้นกับตนและครอบครัว ตนคงต้องกลับไปใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ทั้งที่ตนเป็นผู้เสียหาย น้องชายถูกฆ่า สุดท้ายเราก็ต้องมานั่งระวังตัว อันนี้เราได้ความเป็นธรรมหรือยัง
“ตอนนี้ตนอยากให้ทางกรมราชทัณฑ์ทำตามคำพิพากษาของศาลฎีกามากกว่า ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ทุกครอบครัวของผู้เสียชีวิต แม้กระทั่งครอบครัวของผู้พิพากษาที่ถูกฆาตกรรมได้รับผลกระทบหมด เพราะเสียคนที่รักในครอบครัวไป มีความทุกข์ทรมาน การอภัยโทษถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับนักโทษที่กระทำการวางแผนแบบแยบยลและก่อเหตุหลายครั้ง มีโทษประหารซ้ำซ้อน นักโทษแบบนี้ไม่น่าจะเยียวยาได้ ต้องถามทางกรมราชทัณฑ์ว่าสมควรยื่นขออภัยโทษหรือไม่” นางวันเพ็ญกล่าว