“กัน จอมพลัง”เปิดคำสารภาพ แก๊งขอทาน กัมพูชา หน้าเหลว พิการตาบอด เลือกเป้าหมายเมืองไทย
เมื่อวันที่ 6 กันยายน นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ประสาน พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว และ พ.ต.ท.หญิง พรรัมภา พัฒนาวาท สว.กก.ดส. นำเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ซอย รามอินทรา 73 แขวงคันนายาว เขตรามอินทรา กทม. เพื่อสอบถามพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่หลังพบข้อมูลว่า มีบุคคลกลุ่มสัญชาติกัมพูชา พิการแขน ขา ทำอาชีพขอทาน จากการซักถามทราบว่าส่วนใหญ่กลุ่มกัมพูชาดังกล่าวจะออกไปทำงานช่วงเย็น บางคนจะมีรถมารับและมีเด็กเป็นคนจูงมือพาไปทำงาน ซึ่งยอมรับว่าบุคคลที่อยู่ในภาพที่ชื่อนางมะยม ซึ่งเพิ่งโดนจับไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย.พักอยู่จริงๆ และออกขอทานมานานประมาณหลายปี
นายกัณฐัศว์กล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อคืนวันที่ 5 ก.ย. ขบวนการแก๊งขอทานกัมพูชานัดรวมตัวที่ตลาดคลองจั่น หลังทราบเรื่องเคยบุกเข้าไปจับขอทานกัมพูชามาก่อนหน้า โดยกลุ่มดังกล่าวทราบข้อมูลจากรายงานมานั้นพฤติกรรมเข้ามาอยู่ประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย มาตามช่องทางธรรมชาติแล้วออกหาเงินขอทาน มาพร้อมเด็กและลักลอบมาแบบผิดกฎหมาย ไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งกลุ่มขอทานจะอยู่กันเป็นกลุ่มหลายคน ทราบว่าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มขอทานกัมพูชาที่หน้าเหลวและมีเด็กอยู่ในขบวนการอีกด้วย
นายกัณฐัศว์กล่าวอีกว่า ขอทานเคยหาเงินได้มากสุดต่อวัน 5,000 บาท และเมื่อคืนนางมะยมที่ถูกจับกุมตนนั่งนับเงินพร้อม พ.ต.อ.นเรนทร์ ได้เงินประมาณ 2,200 บาทต่อวัน จากการประเมินเดือนหนึ่ง 60,000 กว่าบาทต่อเดือน และขบวนการมีประมาณ 4-5 ชุด เดือนกว่าหลายแสน อีกทั้งปีกว่าหลายล้าน ซึ่งต้องขอฝากประชาชนคนไทย กลุ่มขอทานไม่ได้ใช้เงินเป็นประโยชน์กับคนไทยอะไรเลย นอกจากนี้ ยังทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่ากลุ่มคนพิการกัมพูชาเหล่านี้นำเงินมาเล่นไพ่ เล่นพนัน ดื่มสุรา ปรนเปรอพวกเพื่อนสัญชาติเดียวกัน
นายกัณฐัศว์กล่าวว่า อยากฝากถึงคนไทยใจบุญทุกท่าน กลุ่มขอทานกัมพูชาวันหนึ่งได้เงินวันละกว่าหลายพันบาท และคนไทยบางคนใจดี มักชอบช่วยเหลือ ส่วนตัวเจ็บใจมากกับคำพูดที่เขาบอกว่าก็คนไทยใจดี คนไทยชอบบริจาค อยากให้ช่วยกันหยุดวงจรนี้ คือการหยุดบริจาค ถ้ายิ่งให้เงินกลุ่มนี้ก็เอาเงินของความเอ็นดูสงสารของคนไทยไปใช้ปรนเปรอกินเหล้าเล่นการพนัน
ซึ่งทราบมาว่าคนกัมพูชาอีกคนที่ปกติดีเป็นเสมือนหัวหน้า คนดูแลและเคยตบตีทำร้ายหากทำงานได้เงินน้อย หรือถ้าหากโดนจับแล้วกลับมาบ้านจะโดนทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ดำเนินการประสานเจ้าหน้าที่เพื่อให้ติดตามตรวจสอบว่าเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่ เนื่องจากมีเด็ก มีคนที่หน้าเหลวเช่นนี้คล้ายกัน แต่จะสาเหตุไฟไหม้ หรือมีคนทำให้หน้าเหลวต้องตรวจสอบอีกครั้ง
ขณะที่ผู้สื่อข่าวสอบถามชาวบ้านทราบว่า พักอาศัยอยู่ภายในห้องเช่าแห่งเดียวกันกับคนพิการชาวกัมพูชา มีคนหนึ่งขาขาดและแขนขาด แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่ากลุ่มคนดังกล่าวทำอาชีพอะไร แต่มักจะเห็นออกไปทำงานตอนเช้าแล้วก็กลับห้องตอนมืดค่ำ บางคนก็ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่เมื่อเช้าเห็นว่าคนพิการขาขาดรีบขับรถมอเตอร์ไซค์สำหรับคนพิการออกไปข้างนอกอย่างเร่งรีบเหมือนมีอะไรบางอย่างซึ่งก็ไม่ทราบว่าหนีอะไร
ต่อมา พ.ต.ท.หญิง พรรัมภา พบเบาะแสสามีภรรยาชาวกัมพูชากำลังเดินกลับมาในซอย จึงสอบถามข้อมูลทราบว่าทั้ง 2 มีชื่อว่านางเล้ง กับนายเม้ง กำลังกลับมาจากขอทานย่านลาดกระบัง พร้อมให้ข้อมูล โดยนางเล้งกล่าวว่า มาอาศัยอยู่ประเทศไทยประมาณ 20 ปีแล้ว โดยตอนแรกทำอาชีพลูกจ้างธรรมดาทั่วไป กระทั่ง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ผันตัวมาทำอาชีพขอทานและคบหากับสามีมา 8 ปี โดยสามีทำอาชีพขอทานเหมือนกันและมีลูกด้วยกัน 1 คน สาเหตุที่มาขอทานเพราะเพื่อนชาวกัมพูชาชักชวนให้มาทำ โดยมาอยู่ในซอยรามอินทรา 73 เหมือนกัน วันหนึ่งมีรายได้ 100-800 บาทเท่านั้น โดยมีภาระที่ต้องทำงานส่งเงินกลับไปบ้านกัมพูชาเพราะไปกู้เงินมาสร้างบ้านกว่า 400,000 บาท ต้องจ่ายเดือนละ 8,000 บาท
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอค้นบ้านสองสามีภรรยา เมื่อเปิดไปเจอพบชายชาวกัมพูชาคนหนึ่งอุ้มลูกหลบอยู่หลังห้องเช่า โดยชายคนดังกล่าวเปิดโซเชียลดูไลฟ์สดของกัน จอมพลัง ที่กำลังตามหาชาวกัมพูชา ตอนแรกตำรวจมาเคาะบ้านหลังดังกล่าวแล้วแต่พบล็อกประตูไว้จากด้านหน้า คาดว่าไม่มีคนอยู่ แต่เมื่อเข้าด้านหลังบ้านกลับเจออีกหลายครอบครัว จากนั้นพบกับชาวกัมพูชาเป็นเพศหญิงที่ใบหน้าเละ หลบอยู่ภายในห้องพักกับลูกชาย 1 คน ตรวจสอบห้องพักพบมีไพ่อยู่ในกระเป๋าและแอลกอฮอล์อยู่หน้าห้อง เจ้าตัวอ้างว่าเอามาให้ลูกเล่น
โดยนางเอ (นามสมมุติ) กล่าวว่า ที่ใบหน้าเละแบบนี้เพราะเกิดจากเหตุการณ์แก๊สระเบิดเมื่อ 19 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นมาประเทศไทยโดยมีรถตู้ไปรับที่ชายแดนกัมพูชา คิดค่ารถ 3,000 บาท ยอมรับว่าไม่ได้มีพาสปอร์ตเข้าประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และทราบว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นผิดกฎหมาย แต่ไม่รู้ว่าจะไปทำอาชีพอะไร เพราะว่าอยู่ที่กัมพูชาก็ไม่มีรายได้ แต่อยู่ที่นี่มีรายได้ดีจากขอทานเพราะคนไทยเป็นคนใจดี โดยตนมีรายได้ต่อวัน 800-1,000 บาท
พร้อมให้ข้อมูลกับตำรวจว่าข้างห้องก็ทำอาชีพแบบเดียวกัน ว่า “ไปจับห้องนั้นหรือยัง” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเปิดห้องดังกล่าวจากข้างหลังพบชายชาวกัมพูชาหน้าเละอาศัยอยู่ภายในห้องมาตลอดในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่กำลังเดินตรวจสอบ มีช่วงหนึ่งเจ้าหน้าที่ให้โทรหาภรรยาเพื่อมาไขกุญแจด้านหน้า แต่ระหว่างนั้นพบว่าชายคนดังกล่าวแอบลบเบอร์แปลกในโทรศัพท์ด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเอาโทรศัพท์มาตรวจสอบก่อนจะให้โทรเรียกหาภรรยาอีกครั้ง ต่อมาภรรยาอุ้มลูกน้อย 1 คน มาแสดงตัวก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นห้อง พบว่ามีเงินสดเกือบ 3 หมื่น และทองรูปพรรณที่ใส่อยู่
โดยนายบี (นามสมมุติ) อ้างว่ามาอาศัยอยู่ที่ไทยประมาณ 5-6 ปี จะไปๆ มาๆ เนื่องจากอยู่บ้านที่กัมพูชาแล้วไม่มีรายได้ ไม่รู้จะทำอาชีพอะไร เนื่องจากว่า 19 ปีที่ผ่านมาระหว่างที่อยู่กัมพูชาทะเลาะกับเพื่อนแล้วถูกเพื่อนนำน้ำกรดมาสาดหน้า ทำให้ต้องมาขอทานที่ประเทศไทย เพราะคนไทยใจดี เวลาเห็นคนพิการก็จะให้เงินตลอด บางวันได้ถึง 1,500 บาท ก็ให้ภรรยาเก็บ
ขณะที่นางซี (นามสมมุติ) ภรรยา กล่าวว่า ไม่ได้ต่อพาสปอร์ตเพราะไม่มีเงิน เนื่องจากมีลูกน้อย ไม่สามารถทำงานได้จึงให้สามีออกไปขอทานข้างนอก ส่วนตนเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตำรวจจะควบคุมตัวชาวกัมพูชา 10 คน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาตรวจสอบทำประวัติและดำเนินคดีที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) เพื่อดำเนินคดีต่อไป