อธิบดีดีเอสไอ ส่งหนังสือประสานสอบ ‘สมเด็จช่วง’ สัปดาห์หน้า เล็งเก็บหลักฐานรถหรูเจ้าอาวาสดัง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบรถโบราณ ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพฯ ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ว่า ตนไม่อยากให้ทุกคนห่วงว่าเราจะดำเนินการอย่างไร เพราะมันเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่าไปเร่งรัดจนเกิดความรู้สึกว่าจะมีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งตนสั่งการไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าขอให้ทำแบบคดีทั่วไป ซึ่งมันไม่มีทางจะเป็นอย่างอื่น เพราะกฎหมายระบุไว้แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ มันก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ ยืนยันว่า ในยุคที่ตนกำกับดูแลนั้น ให้เสรีให้หน้าที่แก่หน่วยงานที่ตนดูแลอยู่ได้ทำงานไปตามหน้าที่เพียงแต่ให้รายงานมาเป็นระยะ ซึ่งตนจะไม่เข้าไปก้าวก่าย และขอให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา หากเกิดความล่าช้าหน่วยงานที่รับผิดชอบก็จะถูกเพ่งเล็งจากสังคมเอง ตอนนี้รอเวลา ทำหนังสือถึงสมเด็จช่วง และได้บอกอธิบดีดีเอสไอไปแล้วว่า ให้ไปกราบสมเด็จช่วงเพื่อชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด และนัดวันสอบข้อมูล ทั้งนี้เป็นเรื่องของความเคารพนับถือให้เกียรติ ส่วนวัน เวลา และสถานที่ขอให้เป็นไปตามที่สมเด็จช่วงกำหนด

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าดีเอสไอจะทำหนังสือประสานไปยังวัดปากน้ำภาษีเจริญ โดยจะสอบถามว่าทางวัดสะดวกเมื่อไร ก่อนจะทำการนัดวันและเวลากันอีกครั้ง ซึ่งเราจะต้องดูภารกิจสงฆ์ด้วยว่าติดขัดอะไรหรือไม่ ทั้งนี้ เราจะดูตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่เรามี ซึ่งเราจะสอบถามสมเด็จช่วงว่า ได้รถมาอย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไร รวมถึงเรื่องลายมือชื่อของสมเด็จช่วงด้วย ว่าใช่ลายมือของสมเด็จช่วงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพระรูปอื่นว่าจะมีใครเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ตรงนี้ต้องรอให้ทางพนักงานสอบสวนได้สอบถามทางสมเด็จช่วงก่อน หากมีพระรูปใดมีส่วนเกี่ยวข้องอีก ทางพนักงานสอบสวนก็คงเรียกมาสอบสวนอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ หลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ ก็ได้ให้การกับพนักงานสอบสวนไว้บ้างแล้ว หากต้องการเพิ่มเติมคงจะมีการเชิญมาสอบปากคำอีกครั้ง

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในส่วนของการเรียกผู้เกี่ยวข้องรายอื่นมาสอบปากคำนั้น ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ทยอยเรียกมาสอบปากคำบ้างแล้ว ส่วนนายสมนึก (สงวนนามสกุล) เคยเข้ามาให้การกับพนักงานสอบสวนแล้วครั้งหนึ่ง หากพนักงานสอบสวนต้องการข้อมูลเพิ่มเติมคงจะมีการเรียกมาอีกครั้ง ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนชุดใหม่ ซึ่งมีสำนักคดีภาษีอากร เป็นผู้รับผิดชอบ ได้มีการแบ่งชุดสอบสวนออกเป็น 4 ชุด คือ 1.ชุดสอบสวนการนำเข้า 2.ชุดสอบสวนการจดประกอบ 3.ชุดสอบสวนการจดทะเบียนกับกรมสรรพสามิต และ 4.ชุดสอบสวนการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบรถยนต์ ยี่ห้อจากัวร์ ของเจ้าอาวาสวัดรูปหนึ่ง ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งจะทำไปพร้อมกับกรณีรถของสมเด็จช่วง ทั้งนี้ รถคันดังกล่าวเป็นรถที่อยู่ในบัญชี 6,000 คัน อีกทั้งยังมีผู้มาร้องเรียนให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบเช่นเดียวกับรถของสมเด็จช่วงเช่นกัน สำหรับการตรวจสอบก็จะใช้วิธีการเดียวกับรถของสมเด็จช่วง ตั้งแต่เอกสารการนำเข้า การยื่นเสียภาษี การจดทะเบียน หลังจากนี้ หากผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว ต้องการมาชี้แจงทางดีเอสไอก็ยินดี เพราะดีเอสไอก็ทำตามหน้าที่และขั้นของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม รถคันดังกล่าวยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความผิดเพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ