ศาลให้ประกัน”พระปลัดเสกสรร”กำหนดเงื่อนไขห้ามเข้าพื้นที่ควบคุม ห้ามพูดปลุกปั่น

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 8 มีนาคม ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน(บก.ตชด.)ภาค 1 พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษกดีเอสไอ และพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ แถลงความเคลื่อนไหวปฏิบัติการจับกุมพระธัมมชโย

โดยพ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาพระปลัดเสกสรร อัตตทโม พระลูกวัดพระธรรมกาย ใน3ข้อหา 1.ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2.ขัดคำสั่ง คสช. และ3.ยุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116 ก่อนนำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดธัญบุรีฝากขัง ก่อนที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเข้าพื้นที่ควบคุม และห้ามให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่เป็นการยุยงปลุกปั่น หากพบว่าพระปลัดเสกสรรกระทำผิดเงื่อนไขศาล เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนำตัวส่งศาลเพื่อให้เพิกถอนการประกันตัวได้ทันที สำหรับการประเมินสถานการณ์ในวันนี้เห็นปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวบางอย่าง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนที่มีพาหนะเล็ดลอดเข้าไปในวัด ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้กวดขันเรื่องการตรวจสอบบุคคลและพาหนะที่จะเข้าพื้นที่แล้ว หากไม่มีเหตุฉุกเฉินเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในวัด

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนพื้นที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวง เป็นพื้นที่เชิงสัญลักษณ์มีประชาชนเข้ามาเติมในพื้นที่ตลอด เจ้าหน้าที่พยายามชี้แจงและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน รวมถึงเก็บข้อมูลบุคคล โดยมีการคัดกรองให้ประชาชนออกนอกพื้นที่ได้อย่างเพียงอย่างเดียว หากพบว่ามีการกระทำผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่มีการขนเสบียงอาหารและน้ำมัน เข้าไปภายในวัดพระธรรมกาย บริเวณประตู 5 นั้น ทราบว่าน้ำมันที่พบเป็นน้ำมันเบนซิน เจ้าหน้าที่อนุญาตให้นำเข้าไปเพียงเล็กน้อย เพื่อใช้เติมพาหนะในการเดินทางภายในวัด แต่หลังจากวันนี้ห้ามเด็ดขาด ส่วนทหารที่กระชับเข้าไปในวัดนั้น เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีการปล่อยน้ำเสียเข้าไปในพื้นที่ทำนา ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำจุดดังกล่าวจึงเข้าไปดูความเรียบร้อย การปฏิบัติเป็นยุทธวิธีของทหารที่ใช้ทั่วไปอยู่แล้ว ขณะที่การเข้าไปดูพื้นที่กำหนดจุด เพราะวัดมีพื้นที่กว้าง จึงต้องเข้าไปสังเกตการณ์ก่อนปฏิบัติการ ไม่ใช่เรื่องแปลก โดยการสำรวจทางอากาศจะใช้ทั้งเฮลิคอปเตอร์และโดรนขึ้นบินควบคู่กัน

ส่วนข้อเรียกร้อง5ข้อของวัดพระธรรมกาย ประกอบด้วย1.ห้ามสึกพระโดยที่คดียังไม่ได้พิพากษาจนถึงที่สุด 2.ระบบพิจารณาคดีที่ใช้กับพระภิกษุควรเป็นระบบไต่สวน ให้อำนาจศาลในการแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดี นอกเหนือไปจากที่คู่ความเสนอต่อศาลได้ เพื่อให้พระภิกษุได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาพิพากษาคดี 3.คดีของพระภิกษุให้ตั้งศาลสงฆ์ มีคณะพิจารณาไต่สวนเฉพาะ มีผู้แทนคณะสงฆ์เข้าร่วมพิจารณาด้วย โดยยึดหลักพระวินัยร่วมกับกฎหมายทางโลก ถ้าหลักฐานไม่พอก็จบกันไป ถ้าหลักฐานพอก็ดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม 4.การพิจารณาไต่สวนให้ทำในวัดที่เหมาะสม ไม่เสียสมณสารูป 5. คดีใหญ่ที่เป็นที่สนใจ ให้เชิญองค์กรพุทธทั่วโลกร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพราะพระภิกษุทั้งโลกก็ใช้พระวินัยของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน หยุดฆ่าพระภิกษุจากสมณเพศ หยุดระบบกล่าวหาต่อพระภิกษุ

Advertisement

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ มีเป้าหมายในการจับกุมโดยคำนึงถึงการกระทบกระทั่งเป็นสำคัญ เบื้องต้นยังไม่ทราบเงื่อนไขที่วัดร้องขอดังกล่าว แต่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จะไม่มีข้อต่อรองใดๆกับผู้ต้องหา และในวันที่9 มีนาคม น.ส.ศรวรรณ ศิริสุทรินทร์ หรือป้าเช็ง ที่ดีเอสไอใช้คำสั่ง มาตรา44 ออกคำสั่งเชิญตัวเพื่อมาสอบปากคำ กรณีปล่อยให้ใช้พื้นที่ตลาดป้าเช็งชุมนุม โดยทางเจ้าตัวยังยืนยันว่าจะเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ในเวลา10.00 น.ตามเดิมที่ บก.ตชด.ภ.1

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนการดำเนินคดีกับพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีที่ สภ.คลองห้า (ยังไม่ออกหมายจับ) ข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ตามมาตรา 44 และล่าสุดวันนี้ทราบว่าศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับพระสนิทวงศ์ ข้อหาหลักๆคือ ยุยงปลุกปั่นตาม มาตรา 116 ตามที่พนักงานสอบสวนบก.ป.ร้องขอ สำหรับเรื่องการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่มีเป้าหมายในการจับกุมโดยคำนึงถึงการกระทบกระทั่งเป็นสำคัญ ส่วนข้อเรียกร้อง 5 ข้อของวัดยังไม่ทราบ แต่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จะไม่มีข้อต่อรองใดๆกับผู้ต้องหา ส่วนกรณีมีคำสั่งเรียก น.ส.ศรวรรณ ศิริสุทรินทร์ หรือป้าเช็ง มาสอบปากคำกรณี ปล่อยให้ใช้พื้นที่ตลาดป้าเช็งชุมนุม ทางเจ้าตัวยังไม่ได้ติดต่อว่าจะขอเลื่อนเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ในเวลา 10.00 น.วันที่ 9 มีนาคม ตามเดิมที่ บก.ตชด.ภ.1

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image