ดีเอสไอ พบจนท. นิคมสหกรณ์คลองท่อม จ.กระบี่ เอี่ยวคดีทำเอกสารปลอม กว่า 300 ฉบับ ขอออกโฉนด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งป.ป.ช. พิจารณา แจ้งกรมที่ดินดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีหนังสือขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตรวจสอบหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.5) จำนวน 316 ฉบับ ที่ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเอกสารปลอม ซึ่งอาจมีการนำไปใช้ในการออกโฉนดที่ดินในเขตนิคมสหกรณ์คลองท่อมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรมสอบสวนคดีพิเศษโดยกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้ดำเนินการสืบสวนเป็นเรื่องสืบสวนที่ 100/2566
ทั้งนี้ คณะพนักงานสืบสวนได้แสวงหาข้อเท็จจริงกรณีหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.5) ปลอม จำนวน 316 ฉบับ ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นเอกสารปลอม พบว่า มีเจ้าหน้าที่นิคมสหกรณ์คลองท่อม เข้าไปเกี่ยวข้องในการปลอมเอกสารเป็นกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยมีบุคคลที่มีชื่อในเอกสารปลอมดังกล่าวเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกระทำโดยมีเจตนาเพื่อ ยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้ การสืบสวนยังพบอีกว่ามีการนำหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.5) ปลอม จำนวน 124 ฉบับ ไปยื่นขอออกเป็นโฉนดที่ดินและหนังสือ รับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) รวมจำนวน 124 ฉบับ ในเขตนิคมสหกรณ์คลองท่อม โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่นิคมสหกรณ์คลองท่อมเป็นผู้รับรองความถูกต้องของหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.5) ซึ่งรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าหนังสือดังกล่าว เป็นเอกสารปลอม แจ้งไป ยังสำนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ สาขาคลองท่อม เพื่อให้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จึงเป็นกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและการกระทำของราษฎรผู้ยื่นคำขอเป็นการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อให้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการ ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตนิคมสหกรณ์ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ
และยังพบว่ามีโฉนดที่ดินอีกจำนวน 4 ฉบับ ที่ออกโดยใช้หนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.5) จำนวน 4 ฉบับ โดยเชื่อว่าเป็นเอกสารปลอม เนื่องจากมีการใช้ตราประทับ ที่มิใช่ตราประจำตำแหน่งของอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ประทับในเอกสารดังกล่าว
ดีเอสไอ พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและการกระทำของราษฎรเป็นการกระทำความผิดอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท และเป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกันกับความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการที่จะต้องดำเนินการในคราวเดียวกันด้วย ซึ่งอยู่ในอำนาจไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 คณะพนักงานสืบสวนจึงได้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามนัย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และแจ้งข้อมูลโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 128 ฉบับที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ดังกล่าวไปยังกรมที่ดินเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแจ้งผลการสืบสวนไปยังกรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปแล้ว