(18 ม.ค.59) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฏร์ธานี พร้อมพ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.และ พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ รอง ผกก.และสารวัตร มอบหมายการทำงานเกี่ยวกับการตรวจสอบกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาแอบแฝงประกอบธุรกิจ และมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพล ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่สั่งการให้ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เข้าดำเนินการแก้ไขปัญหากลุ่มผู้มีอิทธิพลที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว โดยมีตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายปกครอง และทหารเข้าร่วมประชุมด้วย
ที่ประชุมได้มีการกำชับการปฎิบัติ และมอบหมายภารกิจตรวจสอบชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาอาศัยและประกอบอาชีพในพื้นที่ท่องเที่ยว รวมถึงให้มีการทำบัญชีรายชื่อชาวไทยที่ให้การสนับสนุนหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำมาวิเคราะห์โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการควบคุมดูแลชาวต่างชาติ นอกจากนี้ให้มีการบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวดกับทั้งชาวต่างชาติ และชาวไทย
จากนั้นในเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ตำรวจท่องเที่ยว พร้อม พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.จว.สุราษฏร์ธานี พ.ต.ท.ฐนพงษ์ หมกทอง รอง ผกก.ตม สุราษฎร์ธานี ร่วมแถลงการจับกุมนายมิลินเทีย เซอร์เก อายุ 31 ปีเจ้าของสิมิรัมบาร์ ชาวรัสเซีย ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่บังกะโลพาลิต้า ลอร์ด ว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องพบว่านายเซอร์เก ได้กระทำความผิดตาม พรบ. การทำงานของคนต่างด้าว และ พรบ.สถานบริการ ซึ่งเป็นความผิดตามกฏหมายอาญาของประเทศไทย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศาลในการพิจารณาความผิด
ระหว่างการแถลงข่าว ได้มีการนำล่ามแปลภาษามาทำความเข้าใจกับนายเซอร์เก ว่าการกระทำผิดกฏหมายอาญาของประเทศไทยมีผลต่อการถูกเนรเทศออกนอกประเทศด้วย
ขณะที่นายเซอร์เก กล่าวว่า ตนเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลา 3 ปี และไม่ทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องผิดกฏหมาย และยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่นายชนินทร์ใช้จ้างวานให้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่บังกะโลแต่ยอมรับว่า หลังถูกร้องเรียนและมีมติให้ตนเลิกกิจการได้แจ้งให้นายชนินทร์ทราบ พร้อมทั้งนี้ยังได้ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นมาเฟียอย่างที่ถูกกล่าวหาอย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับนายเซอร์เก
ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในสถานการณ์ผู้มีอิทธิพลที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจและมีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล และกำชับไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
“ในส่วนของผู้มีอิทธิพลไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ หรือ คนไทย จะต้องไม่มีในทุกพื้นที่ หลังจากนี้จะมีการบูรณการกำลังร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งตำรวจภูธร ท่องเที่ยว ตรวจคนเข้าเมือง ทหารและฝ่ายปกครอง เราจะเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันเพื่อการปฎิบัติกวาดล้างกดดัน และประกาศอยู่ฝ่ายตรงข้ามกันอย่างชัดเจน และจัดการขั้นเด็ดขาดทันที ” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวและว่า หรือแม้แต่มีชาวต่างชาติทำผิดกฏหมายไทย ถ้าตรวจสอบแล้วทำผิดจริง ก็อยู่ในประเทศไทยไม่ได้ อย่างเช่นกรณีของนายเซอร์เก เราต้องเนรเทศออกนอกประเทศเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต
ส่วนความคืบหน้าคดีใช้อาวุธปืนยิงใส่ พาลิต้า ลอจ์ด ในวันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน นำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย คือ นายชนินทร์ เพชรศรี นายกเทศมนตรีเทศบาลท่าขนอน ผู้ใช้จ้างวาน นายสีหนาถ ชัยพินิจ และนายจรงค์ หงษ์ทอง ผู้ใช้อาวุธปืนยิงในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่าคดีอยู่ในความสนใจของประชาชน และเกรงว่าจะไปสร้างความยุ่งเหยิงให้พยานหลักฐาน