จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.จับกุมนายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาวลาว ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ก่อนจะขยายผลกระทั่งสามารถจับกุมนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ ซึ่งให้การซัดทอดว่าหนึ่งในทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดนั้นนำไปไว้ที่นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” สามีของนางเอกสาวแพท-ณปภา ตันตระกูล ก่อนที่ภายหลังนายอัครกิตติ์ถูกแจ้งข้อหาฟอกเงินและสมคบการฟอกเงิน ขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวนได้ออกหมายเรียกแพท-ณปภาและแม่เบนซ์มาให้ปากคำหลังพบเงินในบัญชีสูงผิดปกติ แต่นางเอกสาวขอเลื่อนให้ปากคำอ้างเอกสารไม่พร้อม ก่อนนัดหมาย 17 มีนาคม
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 17 มีนาคม ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. กล่าวว่า การสอบปากคำในวันนี้มี 2 ประเด็นหลักคือ รถที่อยู่ในความครอบครองของนายอัครกิตติ์ ประเด็นต่อมาคือเรื่องทรัพย์สินและการทำธุรกรรมของนายอัครกิตติ์ที่มีการทำบัญชีไปยัง น.ส.ณปภากับมารดาของนายอัครกิตติ์ และทางลูกน้องทางร้านว่ามีความเป็นมาอย่างไร สำหรับจำนวนเงินของ น.ส.ณปภานั้นประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นยอดเงินที่มากพอสมควรจึงต้องซักถามให้หายข้อสงสัย ประมาณช่วงเวลาปีเศษที่ผ่านมามีการโอนเงินหลายครั้งเข้า-ออกบัญชีจำนวนหลายล้านบาท สำหรับบัญชีของมารดานายอัครกิตติ์พบว่ามีเงินจำนวนหลักแสน และมีการโอนเงินเข้า-ออกไปยังบัญชีลูกน้องที่ร้านเท่านั้น ทั้งนี้ จะเรียกนายอัครกิตติ์เข้าให้ปากคำอีกครั้งภายหลักการสอบสวนพยานหลักฐานและพยานแวดล้อมแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ณปภาและมารดาของนายอัครกิตติ์
เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) น.ส.ณปภาหรือแพท นางเอกสาว พร้อมมารดาของนายอัครกิตติ์ หรือเบนซ์ ผู้ดูแล และลูกจ้างร้านแอเรีย 51 พร้อมทนายความส่วนตัวเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน บช.ปส. โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน โดยนั่งรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ สีเทา ทะเบียน 1กร 4455 กทม. และรถฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน 3กล 8403 กทม.
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง เวลา14.15 น. น.ส.ณปภา เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาชี้แจงข้อมูล ในเรื่องเงินนั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่เคยมีข่าว เป็นเงินที่แพท ทำมาหาได้ เงินที่พบเป็นของแพท ไม่เกี่ยวอะไรกับเงินที่ต้องมาชี้แจงด้วยซ้ำ เงินที่มาชี้แจงเป็นเงินที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยอดไม่ถึง 30 ล้านบาท ไม่ทราบเหมือนกันว่า ตัวเลข 30 ล้านบาท มาได้อย่างไรและเป็นเรื่องส่วนตัวของแพท ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดี แพทเพิ่งคบกับเบนซ์ มาได้แค่ประมาณ 1 ปี อย่าเพิ่งคาดหวังมาก ว่า แพทจะต้องรู้ทุกอย่างเรื่องของสามี หรือสามีจะต้องรู้ทุกเรื่องของภรรยา เราทำตามหน้าที่ มาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกอย่างแล้ว
“ขอขอบคุณพี่ๆนักข่าวที่ให้ความสนใจในคดีนี้ จริงๆอยากจะขอความเห็นใจ เวลาเขียนข่าวหรืออะไร เพราะข่าวมีผลกระทบหลายๆอย่าง จึงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะส่งผลกระทบต่อครอบครัวแพท และครอบครัวของสามีอย่างมาก อยากจะขอร้องทุกคนว่า หากมีการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับแพท ขอให้ไปสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่จะดีกว่า เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนยินดีจะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว ในวันนี้มาในฐานะพยาน ยังไม่ถูกจับกุม หรือถูกส่งตัวไปศาลตามที่เป็นข่าว เป็นเพียงการเดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียกเท่านั้น ในวันนี้เจ้าหน้าที่สอบถามในช่วง2ปี คือ ปี2559 และปี2560เท่านั้น ส่วนการสอบปากคำอื่นๆนั้น แพทและทนายยื่นเอกสารทางการเงิน ว่าได้มาอย่างไร หรือได้มาจากใครเรียบร้อยแล้ว คือส่วนตัวสงสัยว่าเงินจำนวน30ล้านมาจากไหน เงินในบัญชีของแพทมีไม่ถึงด้วยซ้ำ และเงินทั้งหมดเป็นเงินของแพท ไม่เข้าใจว่าจะต้องชี้แจงทำไม แพทและสามีรู้จักกันแค่1ปีเท่านั้น ดังนั้นจะคาดหวังให้รู้เรื่องส่วนตัวของกันและกันนั้น คงเป็นไปไม่ได้ และในวันนี้แพททำหน้าที่ทุกอย่างแล้ว ที่เหลือก็เป็นส่วนของเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมเอกสาร และตรวจสอบข้อเท็จจริง”แพท ณปภา กล่าว
ด้านทนายส่วนตัวของแพท ณปภา กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วแพทไม่มีส่วนใดๆเลย เพียงแต่บุคคลใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับคดี จึงจะต้องมาชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าหลักฐานที่ให้เจ้าหน้าที่ไปทั้งหมดตอบได้ทุกอย่าง ส่วนเอกสารสรรพากรที่ยื่นให้ไปนั้น ข้อมูลทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เรื่องทุกอย่างน่าจะจบแล้ว เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแพทแล้ว และแพทเองเป็นบุคคลของประชาชนด้วย
พ.ต.อ.สมเกียรติ วรรณสิริวิไล รอง ผบก.อก.บช.ปส. กล่าวว่า วันนี้พยานทั้ง4รายคือ แพท มารดาของนายเบนซ์ ผู้จัดการร้านแอเรีย51 และช่างซ่อมรถประจำร้านแอเรีย 1คน เข้ามาให้ปากคำในฐานนะพยานตามพ.ร.บ.ฟอกเงิน กรณีของนายเบนซ์ เรซซิ่ง และนายบอยหรือนายณัฐพล นาคคำ ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดในเครือข่ายของนายไซซะนะ แก้วพิมพา พ่อค้ายาเสพติดชาวลาวรายใหญ่ ทั้งหมดนั้นให้การชัดเจน มีการนำเอกสารบางส่วนมาชี้แจงถึงที่มาที่ไปของเงินในบัญชี รายได้ก่อนที่แพทจะแต่งงานกับนายเบนซ์ ส่วนเรื่องรถลัมโบร์กีนี ทะเบียน กจ.51 แพทให้การว่า ไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ ทางด้านการสอบผู้จัดการร้านและลูกจ้างให้การว่าเส้นทางการเงินที่มีการโอนเข้าออกนั้น ดำเนินการตามคำสั่งของนายเบนซ์ เพื่อจะนำไปซื้ออะไหล่รถ อะไหล่นั้นมีราคาค่อนข้างสูงอยู่แล้ว หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบสำนวน หากพบว่ามีข้อพิรุธหรือสงสัยในส่วนใด จะเรียกเพื่อมาสอบอีกครั้ง นอกจากนี้จะมีการเรียกนายเบนซ์มาสอบอีกครั้ง ยังไม่ได้มีการกำหนดวัน และเวลา
