เมื่อเวลา08.15น.วันที่17 มีนาคม ที่กองบินตำรวจ ดอนเมือง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ผบก.ปทส.) พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ประจำ บช.ก. พล.ต.คณิศร สุนทรธีมากร ผู้ช่วยผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนและคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ หลังพบว่ามีผู้มีอิทธิพลบุกรุกแผ้วถางป่าสาธารณะประโยชน์ ในอ.เมืองบุรีรัมย์ กว่า 64ไร่ เพื่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมในเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ตำรวจปทส.รับแจ้งว่ามีการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ บ้านหนองค่าย หมู่10 ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ รุกพื้นที่ป่าสาธารณะประโยชน์ จึงเข้าตรวจสอบพร้อมกับหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่บร.4 บาระแนะ พบว่ามีการรุกที่ป่า จึงร้องทุกข์กล่าวโทษฐาน แผ้วถางป่า ก่อสร้าง ยึดครอง ทำให้เสื่อสภาพ มีความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้แบะพ.ร.บ.ที่ดิน พนักงานสอบสวน ปทส.จึงรับเป็นคดี และจากการสืบสวนสอบสวนปรากฏหลักฐาน รับแจ้งยืนยันจากเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ มีพระปลัดเกื้อกูล สุภนันโท อายุ 53ปี สังกัดวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ เป็นผู้ดูแล โดยวันนี้จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบความคืบหน้าคดี เพื่อเร่งรัดขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกระทำผิด
รองผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้น่าเชื่อว่าเป็นเครือข่ายวัดพระธรรมกาย จากที่ปรากฏหลักฐานว่ามีพระวัดพระธรรมกายดูแลอยู่ จากการตรวจสอบยังไม่พบการขออนุญาตจดทะเบียนเป็นสำนักสงฆ์หรือวัดแต่อย่างใด เปิดใช้มา4-5ปี มีผู้มาปฏิบัติธรรมตลอด แต่ปิดตัวไปตั้งแต่เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี ส่วนพระปลัดเกื้อกูลนั้นไม่ทราบว่ายังอยู่ในศูนย์หรือไม่ หากอยู่และมีหมายจับก็ต้องจับทันที
จากนั้นเวลา10.00น. ที่สภ.หนองสองห้อง จ.บุรีรัมย์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อมคณะประชุมร่วมกับ ตัวแทนหน่วย ปทส. บก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กรมการปกครอง กรมที่ดิน เพื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับศูนย์ปฏิบัติธรรมดังกล่าวที่พบว่ามีการบุกรุกที่ป่าและอาจเข้าข่ายถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้อื่นโดยมิชอบด้วย
จากนั้นเวลา12.30น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ ลงพื้นที่หมู่10 บ้านบัว อ.เมือง ที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมดังกล่าวที่พบว่ามีการล้อมรั้วไว้อย่างแน่นหนา ในพื้นที่64ไร่ โดยพบว่ามีสิ่งปลูกสร้างอาคารต่างๆมากกว่า5หลัง และอยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์อีก1หลัง มีการขุดบ่อบาดาล ตั้งเสาสัญญาณและสายนำสัญญาณ โดยมีชาวบ้านที่อ้างว่าเคยถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวส่วนหนึ่งแต่ถูกเปลี่ยนมือและยึดครองศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้โดยมิชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ และคณะตรวจสอบพื้นที่ภายในศูนย์ปฏิบัติธรรม มีคณะผู้ศรัทธาในศูนย์ปฏิบัติธรรมคอยบันทึกภาพตลอดเวลามีการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเสาสัญญาณและสายส่งสัญญาณ ได้เข้าโต้เถียงเจ้าหน้าที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ จึงเข้าขอตรวจสอบบัตรประชาชนและอุปกรณ์บันทึกภาพของบุคคลดังกล่าว ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ทหารร่วมตรวจสอบด้วย พบว่าเป็นข้าราชการครู ทหารจึงคุมตัวไปสอบถามว่าเกี่ยวข้องกับการตั้งเสาสัญญานดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร
รองผบ.ตร. กล่าวภายหลังตรวจสอบพื้นที่ว่า หลังรับแจ้งศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้เข้าข่ายบุกรุกป่า ได้ดำเนินการตรวจสอบกระทั่งตำรวจปทส.ดำเนินคดี ตั้งแต่วันที่ 2กันยายน2559 จากการตรวจสอบวันนี้พบว่าศูนย์ปฏิบัติธรรมนี้ โยงในกับวัดพระธรรมกาย ยึดครองพื้นที่64ไร่ 1งาน 82 ตารางวา โดยพบมีการรุกพื้นที่ป่า รัฐเสียหาย4.3ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มดำเนินคดี มีชาวบ้านในพื้นที่เข้าร้องเรียนว่าพื้นที่ดังกล่าวบางส่วนเคยเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง แต่มีการเปลี่ยนมือโดยมิชอบ จนตกเป็นของศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้4ราย โดยหนึ่งในนั้นคือนางธนู ชนะศึก ชาวจ.บุรีรัมย์ ที่อ้างว่ามารดาเคยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์25ไร่ ทั้งนี้ต้องตรวจสอบต่อไปว่าชาวบ้านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามภายใน1-2วันนี้จะออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง อายัดพื้นที่ห้ามเข้าตั้งแต่วันนี้ หลังจากอายัดไว้ตั้งแต่เริ่มรับคดี
รองผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า เช้าวันนี้พนักงานสอบสวนสภ.คลองหลวง จะเดินทางไปยังศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อขออนุมัติหมายจับ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และกรรมการมูลนิธิธรรมกายรวม 11ราย ฐานร่วมกระทำผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ฯ 4คดี พ.ร.บ.อาคารฯ 8คดี รวม12คดี หลังจากไม่ไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกเมื่อวันที่16มีนาคม
นางธนู กล่าวว่า มารดาของตนถือครองสิทธิทำกินในที่ดิน25ไร่มานาน และขายฝากกับญาติในปี 2516เป็นเงิน500บาท และได้ไถ่ถอนออกมาแล้ว แต่ปรากฏว่า ต่อมามีการออกโฉนดที่ดินผืนนี้ รังวัดได้38ไร่ และขายให้บุคคลที่เป็นตัวแทน สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมนี้ ตนได้ฟ้องร้องขอคืนสิทธิมาตลอด แต่ไม่สามารถคืนสิทธิได้ อย่างไรก็ตามนี่คือที่ผืนสุดท้ายของครอบครัว อยากเรียกร้องทางศูนย์ปฏิบัติธรรมให้คืนที่ดินส่วนที่เหลือ25ไร่ ที่ถูกเปลี่ยนกรรมสิทธิ์โดยมิชอบ คิดเป็นพื้นที่13ไร่ ให้แก่ตน
ด้านพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมอื่นๆในเครือข่ายนี้ที่ตั้งในจ.บุรีรัมย์ อีก1-2แห่ง ว่า ทำผิดกฎหมายบุกรุกที่ป่าหรือไม่
