สาวร้องสายไหมต้องรอด แท็กซี่เครียด คล้ายหลอนยา พุ่งชนท้ายรถเมล์ เจ็บสาหัส คดีไม่คืบ ตร.บ่ายเบี่ยง

สาวร้องสายไหมต้องรอด แท็กซี่เครียด คล้ายหลอนยา พุ่งชนท้ายรถเมล์ เจ็บสาหัส คดีไม่คืบ ตร.บ่ายเบี่ยง

เมื่อวันที่ 25 ม.ค.68 เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38  นางสาวเอ อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง มาขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังจากที่โดยสารรถแท็กซี่ แต่ปรากฏว่าคนขับรถเกิดอาการเครียดจัด และมีอาการคล้ายคนหลอนยาเสพติด ขับรถพุ่งชนท้ายรถเมล์ ทำให้ตัวเองที่นั่งอยู่เบาะหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส กะโหลกแตก จมูกหัก แขนหักผิดรูป หมดค่ารักษาพยาบาลไปกว่า 1.9 ล้านบาท

นางสาวเอ ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้เรียกรถจากสุขุมวิท 39 เพื่อไปโรงพยาบาลศิริราช เมื่อขึ้นรถไปคนขับแท็กซี่บ่นว่าโดนผู้โดยสารโกงไม่จ่ายค่ารถแท็กซี่ บอกจะไปกดเงินให้แล้วก็หายไปเลย จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่ทราบว่าเขาคิดหรือเครียดอะไร เมื่อไปถึงใกล้ไฟแดง ซึ่งเป็นจุดที่ขับรถแทรกไม่ได้ ก็ได้ขับไปชนกับรถประจำทาง และไปชนเกาะกลางก่อนจะไปพุ่งชนกับรถเมล์ที่ติดไฟแดง

ส่วนตัวเองได้รับบาดเจ็บ กรามหัก กระดูกแตกละเอียด เลือดออกภายใน ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอให้กระดูกข้างในเข้าที่ ฟันไม่สามารถขบกันได้ ยังต้องได้รับการกายภาพอย่างต่อเนื่อง ส่วนการแจ้งความ ทางครอบครัวได้เป็นผู้ไปแจ้งความหลังเกิดเหตุที่ สน.พญาไท เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 13 ตุลาคม 2567 แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่ามีพนักงานสอบสวนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และได้เรียกตัวคนขับรถแท็กซี่มาที่ สน.หรือได้ตรวจสารเสพติดและแอลกอฮอล์ของคนขับรถแท็กซี่หรือไม่

ADVERTISMENT

ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาลได้ใช้สิทธิประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ และประกันของที่ทำงานที่มีอยู่ แต่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังจากออกจากโรงพยาบาลก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องรอให้แผลภายในสมานกันก่อนจึงจะทำการรักษาต่อได้ ส่วนคนขับแท็กซี่มีประวัติในพื้นที่ สน.โคกคราม เกี่ยวกับการเป็นตัวการลักทรัพย์ เมื่อกลางปี 2567 ทางประกันเป็นผู้ติดต่อประสานกับตำรวจให้ว่าผู้เสียหายได้ออกจากโรงพยาบาล ตำรวจได้แจ้งผ่านน้องที่รู้จักกันว่าตำรวจให้นัดคนขับรถแท็กซี่และคนขับรถเมล์มาให้ข้อมูลพร้อมกันด้วย และยังบอกอีกว่าไปสืบมาหรือยังว่าบ้านอยู่ที่ไหน

ด้านญาติของผู้เสียหายเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ไปติดต่อตำรวจที่ สน.พญาไท เพื่อบอกให้ตำรวจไปสอบสวนผู้เสียหายที่โรงพยาบาล แต่ตำรวจกลับบอกว่าไม่มีหรอกที่จะให้ไปสอบสวนที่เตียง ก็มีแต่ในละคร หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนบ่ายเบี่ยง ไม่เจอ ไม่รับสาย แม้จะโทรไปเบอร์โรงพักซึ่งเป็นเบอร์ 02 ก็ติดต่อไม่ได้ เมื่อไปที่สถานีตำรวจหลายครั้งก็ไม่พบไม่เจอตัวเจ้าของคดี และทราบว่าในวันเกิดเหตุเจ้าของอู่รถแท็กซี่ได้ไปในที่เกิดเหตุด้วย แต่หลังจากที่พยายามติดต่อไปกลับบอกว่ารถคันที่เกิดอุบัติเหตุได้ขายไปแล้ว

ADVERTISMENT

นายเอกภพกล่าวสุดท้ายว่า ผู้เสียหายอยากให้กรมการขนส่งทางบกออกมาตรการในการตรวจสารเสพติด สุขภาพจิต และประวัติอาชญากรรมของผู้ขับขี่รถสาธารณะเป็นประจำ ควรมีมาตรการอย่างรัดกุม เพราะผู้เสียหายกังวล ไม่อยากให้คนขับรถแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้ หากยังขับรถอยู่อาจไปเกิดเหตุกับคนอื่นอีกได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image