ตม.1 บุกอาคารพาณิชย์ ลอบปลูกกัญชา กลางกรุง เจอเกือบ 1,000 ต้น

เมื่อเวลา13.00 น. วันที่ 28 ม.ค. พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ  รอง ผบก.รรท.ผกก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ รอง ผบก.ฯ ปรก. รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.ท.พรชัย สุขเจริญ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 พ.ต.ต.เจตน์ ยุทธโยธิน,พ.ต.ต.สวรรค์ ราชพิทักษ์ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 นางสาวอรอนงค์ ศรีสุวรรณ นิติกรชำนาญการ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อม เจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นำหมายค้นของศาลอาญาที่ 35/2568 เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์เเห่งหนึ่ง ภายในซอยงามวงศ์วาน 32 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. และจับกุม นาย เหงียน ง็อก ฮวน  สัญชาติเวียดนาม อายุ 49 ข้อหา  1. “ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” พ.ร.ก.บริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ  2. “จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า (กัญชา) โดยไม่ได้รับใบอนุญาต พรบ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาฯ  พร้อมของกลางเป็นต้นกัญชา 929 และดอกกัญชา1 ถุง ภายในอาคารพาณิชย์ดังกล่าว

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ชุดสืบ บก.ตม.1 ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีการลักลอบปลูกกัญชา ภายในอาคารพานิชย์ ในซอยงามวงศ์วาน 32 โดยมีคนต่างชาติดูแล  จึงไปตรวจรอบ ที่เกิดเหตุ เป็นอาคารพาณิชย์3คูหา สูง4ชั้น  ภายในตีกำแพงทะลุหากันพบว่าที่บริเวณชั้น 1 ถูกดัดแปลงเป็นสถานที่เก็บปุ๋ยและห้องพักของคนงาน

ส่วนชั้น 2 ของอาคารพาณิชย์ พบว่ามีการดัดแปลงให้เป็นห้องที่มีสภาพสำหรับเพาะปลูก มีการติดตั้งอุปกรณ์เพาะปลูก อุปกรณ์สำหรับปรับสภาพอากาศ ติดแอร์กับพัดลม และให้น้ำให้แสง โดยที่ชั้น 2 นี้ พบต้นกัญชาโตเต็มวัยอยู่ภายในห้องประมาณ 108 ต้น พบต้นกัญชาขนาดเล็กที่อยู่ในระหว่างการเพาะชำอีก 136 ต้น รวมทั้งต้นกัญชาเพิ่งแตกยอดอ่อนและเมล็ดสำหรับเตรียมงอกอีกประมาณ 455 ต้น รวมทั้งพบถุงดอกกัญชาแปรรูปอบแห้งจำนวน 1 ถุง

ส่วนบริเวณชั้น 3 และชั้น 4 ของอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว พบการดัดแปลงลักษณะคล้ายคลึงกัน คือติดตั้งระบบอุปกรณ์สำหรับเพาะปลูก โดยเฉพาะติดตั้งแอร์ พัดลม เครื่องให้น้ำให้แสง ปรับสภาพอากาศเต็มที่ ซึ่งที่ชั้น 3 พบต้นกัญชาโตเต็มวัย จำนวน 128 ต้น และชั้น 4 พบต้นกัญชาโตเต็มวัยพร้อมออกดอก จำนวน 134 ต้น อย่างไรก็ตามตรวจสอบไม่พบว่าอาคารหลังดังกล่าวขอใบอนุญาตปลูกกัญชาถูกต้องตามกฎหมายกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข แต่อย่างใด

ADVERTISMENT

จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อ้างว่าถูกจ้างมาดูแลอาคารหลังดังกล่าวได้ 3 เดือน ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน แต่เนื่องจากเพื่อนที่เหลือได้กลับบ้านไปก่อน เพราะอยู่ในช่วงเทศกาล เลยเหลือตัวเองอยู่คนเดียว ผู้ต้องหายังไม่ให้การเกี่ยวกับเรื่องของการปลูกกัญชา อ้างว่ามีหน้าที่เพียงแค่ดูแลต้นกัญชา ซึ่งหลังจากนี้ทางตำรวจจะสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมว่า กัญชาที่พบนั้นใครเป็นเจ้าของและมีการส่งออกไปขายที่ใด รวมทั้งส่งออกไปยังต่างประเทศหรือไม่

น.ส.อรอนงค์ เปิดเผยว่า จากการเข้าร่วมตรวจสอบกับทางตำรวจพบว่า ผู้ครอบครองอาคารหลังดังกล่าวเป็นนิติบุคคล ซึ่งได้จดทะเบียนใบอนุญาตจัดจำหน่ายแปรรูปกัญชาที่ จ.กาญจนบุรี แต่ไม่ได้จดทะเบียนจัดจำหน่ายแปรรูปกัญชาในพื้นที่กรุงเทพมหานครแต่อย่างใด ดังนั้น อาคารพาณิชย์แหล่งดังกล่าวจึงปลูกกัญชาและแปรรูปดอกกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนป้ายภายในอาคารที่ระบุว่าเป็นสถานที่แปรรูปกัญชาจึงเป็นป้ายที่ติดเพื่อสมอ้าง ส่วนใบอนุญาตของ อย. ที่พบในอาคารนั้น เป็นเพียงใบจดแจ้งว่ามีการปลูกกัญชากี่ต้นในระหว่างที่กฎหมายยังไม่ออก แต่ไม่ใช่ใบขออนุญาตแต่อย่างใด

ADVERTISMENT

น.ส.อรอนงค์ เปิดเผยว่า ปกติแล้วการปลูกกัญชาที่ให้ผลดอกเพื่อนำมาแปรรูป จะต้องจดทะเบียนขออนุญาตกับทางราชการ โดยในส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครต้องไปจดทะเบียนที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัด ต้องไปจดทะเบียนที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งใบอนุญาตจะใช้ได้เฉพาะแต่ละพื้นที่และเฉพาะสถานที่เท่านั้น ไม่สามารถมาใช้รวมกันในหลายๆ ที่ได้ โดยใบอนุญาตจะมี 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทจัดจำหน่ายและแปรรูป ประเภทส่งออก และประเภทวิจัย

สำหรับกรณีดังกล่าวนั้น อาคารหลังดังกล่าวรวมทั้งแรงงานจะถูกดำเนินคดีฐานไม่มีใบอนุญาตแปรรูปและจัดจำหน่ายสำหรับการปลูกกัญชาที่มีพืชดอก  ซึ่งถ้าหากพบว่ามีการส่งออกกัญชาแปรรูปไปยังต่างประเทศ ก็จะมีความผิดเพิ่มขึ้นอีก ส่วนของกลางนั้น ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจะดำเนินการยึดอายัดเอาไว้เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลต่อไป

สำหรับผู้ประกอบการที่คิดจะเพาะปลูกกัญชา โดยเฉพาะต้องการดอกกัญชามาใช้แปรรูปกับจัดจำหน่าย ต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานราชการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีค่าธรรมเนียมที่ไม่แพง รวมทั้งเป็นการควบคุมให้กัญชาที่เพาะปลูกขึ้นมานั้นจัดจำหน่ายอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการลักลอบจำหน่ายให้แก่เด็กและเยาวชนจนกลายเป็นปัญหาสังคมต่อไป

เบื้องต้นชุดจับกุมนำตัวนาย เหงียน ง็อก ฮวน  ส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชื่น เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิดต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image