หวิดเผชิญหน้า! เจ๊หนิง บุกสน.พระโขนง ทวงเงิน 6 แสน-ทอง 120 บาท ภรรยาบิ๊กโจ๊ก ชี้แค่บังเอิญ ไม่ได้จงใจมาสร้างความวุ่นวาย
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ดร.ศิรินัดดา หักพาล ภรรยา พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แจ้งสื่อมวลชนว่าจะเดินทางไป สน.พระโขนง ตามความคืบหน้าคดีลักทรัพย์ และเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีที่แจ้งความร้องทุกข์เอาผิด น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ เจ๊หนิง คู่กรณีในข้อหาแจ้งความเท็จ
ต่อมา น.ส.ธณัฏฐา หรือเจ๊หนิง เดินทางมาที่ สน.พระโขนง ท่ามกลางความไม่คาดคิดของสื่อมวลชน โดยเจ๊หนิงเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ในวันนี้ที่เดินทางมาเป็นเพราะความบังเอิญ เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา นัดหมายกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่ถูกแจ้งความเรื่องแจ้งความเท็จว่าให้มาสอบปากคำและส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติม
แต่ปรากฏทราบว่า ภรรยาบิ๊กโจ๊ก เดินทางมาในวันเดียวกันพอดี จึงต้องการอยากจะพบเจอกับภรรยาของบิ๊กโจ๊ก เพราะอยากจะพูดคุยและทวงคืนคีย์การ์ด รวมทั้งทรัพย์สินของตนเองคืน เช่น ทองคำ 120 บาท และเงินสด 600,000 บาท อีกทั้งอยากจะถามภรรยาของบิ๊กโจ๊กต่อหน้าสื่อมวลชนว่า การที่พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง เป็นเรื่องที่ต้องภูมิใจขนาดนั้นหรือ โดยยืนยันกับสื่อมวลชนว่า ไม่ได้เดินทางมาเพราะจงใจจะสร้างความวุ่นวายหรือตั้งใจจะมาพบภรรยาของบิ๊กโจ๊กโดยตรงแต่อย่างใด
น.ส.ธณัฏฐากล่าวว่า ทั้งนี้ในส่วนคดีที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์กับภรรยาบิ๊กโจ๊กนั้น สาเหตุที่พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องต่อพนักงานอัยการ เนื่องจากอ้างว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ โดยเฉพาะ GPS ที่ตัวภรรยาบิ๊กโจ๊กที่ไม่ปรากฏ ณ ที่เกิดเหตุ ตนจึงสงสัยการทำงานของพนักงานสอบสวนว่า ภรรยาของบิ๊กโจ๊กติด GPS ที่ตัวหรือ ถึงทราบได้ว่าไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ อีกทั้งฝั่งตนเองมีพยานบุคคลจำนวน 3 ปาก เพียงแต่ว่ามีการสอบปากคำไปเพียงแค่พยานปากเดียวคือหลานชายของตน แล้วสรุปสำนวนคดีทันที ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้น ตนแจ้งความตามมาตรา 157 เพื่อเอาผิดกับพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ไปแล้ว
เจ๊หนิงเปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ยังมีกรณีที่หลานชายของตนถูกคุกคามหลังจากเปิดหน้ากับสื่อ โดยถูกแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งตอนแรกแจ้งกับพนักงานสอบสวนไว้แล้วว่าจะเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา แต่ขอเลื่อนวันเวลาเนื่องจากหลานชายป่วย ปรากฏว่า หลานชายถูกออกหมายจับและถูกตำรวจส่วนกลางมาจับกุมไปดำเนินคดี ซึ่งหลังจากนี้ก็เตรียมที่จะดำเนินคดีกลับไปยังพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เช่นเดียวกัน โดยยืนยันว่า หลานชายไม่เคยให้สัมภาษณ์พูดชื่อของนายตำรวจที่เป็นสามีของคู่กรณีแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ตนถูกโทรศัพท์มาข่มขู่คุกคามวันละ 2-3 สาย โดยมีการคุกคามตั้งแต่ขู่ฆ่า รับรองความไม่ปลอดภัย และใช้คำพูดอนาจารขอมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเบอร์ที่โทรมานั้น ล้วนแต่ไม่ซ้ำเบอร์กันและปลายสายเป็นเสียงผู้ชายที่ไม่ซ้ำคนด้วย รวมทั้งยังโดนร้องเรียนเรื่องรถยนต์ส่วนตัวที่ไม่ให้เข้าพื้นที่โรงเรียนต้นสังกัดของสามี แต่ตนเลือกที่จะยังไม่แจ้งความร้องทุกข์ในเรื่องการคุกคาม เพราะมีสามีเป็นตำรวจ จึงเข้าใจว่าตำรวจทำงานหนักและงานเยอะอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำไปว่า เป็นเพราะความกังวลว่าจะไม่รับความเป็นธรรมจึงไม่เข้าแจ้งความหรือไม่ เจ๊หนิงบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกัน
อีกทั้งสามีของตนยังถูกนายตำรวจมางัดแงะห้องพักในที่ทำงานของสามี ซึ่งตนฝากบอกไปยังนายตำรวจที่งัดแงะห้องตนว่า คุณจะกลัวนายหรือไม่กลัวนาย แต่พอมาวันหนึ่งเรื่องถึงตัวคุณ นายก็จะช่วยคุณไม่ได้ ก็จะตัวใครตัวมัน ซึ่งตอนนี้สามีของตนยังให้โอกาสนายตำรวจคนนี้มารับสารภาพและยังไม่แจ้งความ แต่ถ้ายังไม่ยอมมารับสารภาพ ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน
เจ๊หนิงยังเปิดใจอีกว่า ตอนนี้สังคมตั้งข้อสังเกตว่า ตนเองกุเรื่องขึ้นมาเพื่ออยากได้เงิน ตนยืนยันว่าตนไม่ได้อยากได้เงิน แม้ว่าตนไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่ตนก็มีเงินของตนเองและไม่ได้มีนิสัยขี้โกง เชื่อได้ว่าคนทั้งประเทศจะพิสูจน์ได้ว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อไปว่า เนื่องจากสังคมยังตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องการซื้อทองนั้นมีใบรับรองหรือใบเซอร์จริงหรือไม่ จึงอยากให้ทางเจ๊หนิงแสดงใบรับรองเพื่อยืนยัน แต่เจ๊หนิงกับปฏิเสธ โดยย้ำกับผู้สื่อข่าวว่า ตนซื้อทองจริง แต่ไม่สามารถนำใบรับรองมาแสดงได้ เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย ขนาดยังไม่ได้นำใบมาแสดงยืนยัน ตนก็ยังถูกข่มขู่ ดังนั้น จึงจะเก็บพยานหลักฐานชิ้นนี้เอาไว้แสดงในชั้นศาล แต่อย่างไรก็ตามขอให้ภรรยาของบิ๊กโจ๊กแสดงหลักฐานว่าได้เช่าคอนโดจริงตามที่มีการกล่าวอ้างเอาไว้ต่อหน้าสื่อมวลชน อยากให้ภรรยาของพี่โจ๊กเปิดหน้าสู้กับตน
สำหรับคดีความที่ตนแจ้งความเอาผิดกับภรรยาของบิ๊กโจ๊กมีจำนวนทั้งสิ้น 7 คดี ซึ่งเป็นข้อหาหมิ่นประมาท 6 คดีและคดีลักทรัพย์ 1 คดี ส่วนฝั่งภรรยาบิ๊กโจ๊กแจ้งความตนในข้อหาแจ้งความเท็จและฟ้องตรงต่อศาลอาญาในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งจะมีการนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้
ทั้งนี้ หลังจากที่เจ๊หนิงขึ้นไปพบพนักงานสอบสวน ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยังภรรยาของบิ๊กโจ๊ก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่จากการสอบถามตำรวจ สน.พระโขนง ก็ระบุว่า ยังไม่รับรายงานว่าภรรยาของบิ๊กโจ๊กจะเดินทางเข้ามาเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนคดีที่มีการแจ้งความเจ๊หนิงเรื่องแจ้งความเท็จนั้น อยู่ในระหว่างการรวบรวมเอกสาร ก่อนสรุปสำนวนส่งอัยการต่อไป
ต่อมาเจ๊หนิงเดินทางกลับออกจาก สน.พระโขนง หลังจากให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้วเสร็จ โดยให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนเพียงแค่ว่า จากการพูดคุยกับทางตำรวจ ไม่พบว่ามีการนัดหมายให้ภรรยาของบิ๊กโจ๊กมาพบตำรวจแต่อย่างใด