หมดอนาคต ครูสาวคณิตศาสตร์ หลงเสน่ห์สาวหล่อชาวจีน ถูกชักชวนให้มาอยู่ด้วยกันจนลาออกจากโรงเรียนดัง ผันตัวเป็น ‘ซ้อบอสทอม’ เข้าสู่แก๊งสแกมเมอร์ฟีลแฟน เปิดเซฟเฮาส์ลับในประเทศไทย รับโอนเงินทำบัญชีรับโอนเงินให้กับแก๊งสแกมเมอร์ก่อนแปลงเป็นเงินดิจิทัล ล่าสุดถูก บิ๊กหวานบูรณา น.1 นำกำลังชุด PCT บุกทลายรังรวบทั้งขบวนการ 5 ราย ตรวจค้นพบ บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102 บัญชี บัตรเดบิต 70 ใบ ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม ขยายผลพบก่อคดีมาแล้วไม่ต่ำกว่า 132 คดี ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 91,192,017 บาท
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ/ผอ.ศปอส.ตร., พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น./รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. พร้อมคณะ ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) และ บก.สส.บช.น.ร่วมกันปฏิบัติการ “ทลายรังบอสสแกมเมอร์ฟีลแฟน”
โดยนำหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ค.101/2568 ลงวันที่ 19 ก.พ.68 เข้าตรวจค้นบ้านพักในโครงการหนึ่ง ย่านบางนา กม.7 ซ.ราชวินิตบางแก้ว ถ.บางนา-ตราด ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 คน ดังนี้
1.Miss.ZHOU ZHOU ชื่อเล่นโจว อายุ 29 ปี สัญชาติจีน (เป็นบอสสแกมเมอร์ฟีลแฟน-หลอกลงทุน) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.113/2568 ลงวันที่ 17 ก.พ.68 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร”
2.น.ส.อลิษา ชื่อเล่นเล็ก อายุ 31 ปี ชาว อ.สีดา จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.114/2568 ลงวันที่ 17 ก.พ.68 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร”
3.นายสุกฤษฏิ์ ชื่อเล่นฟรุ๊ค อายุ 26 ปี ชาว อ.องครักษ์ จ.นครนายก ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้”
4.น.ส.อาทิตยา ชื่อเล่นเปรม อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 ม.2 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้”
5.นายสุเชษฐ์ ชื่อเล่นเชษ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 ม.9 ต.เขาชนกัน อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ถูกแจ้งข้อหา “เปิดบัญชี หรือยินยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์”
ตรวจยึดของกลาง 6 รายการ ได้แก่ 1.บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102 บัญชี 2.บัตรเดบิต 70 ใบ
3.ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม 4.โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง (พบข้อมูลสำคัญจำนวนมาก)
5.คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง 6.รถยนต์โตโยต้า ยาริส 1 คัน (ใช้รับส่งธุระจัดหาคนเปิดบัญชี)
พฤติการณ์กล่าวคือ “บุกเซฟเฮาส์ลับบอสสแกมเมอร์ฟีลแฟน” รวบบอสสาวหล่อชาวจีน พ่วงครูสาวหลงเสน่ห์ลาออกจากอาชีพครูมาเป็น “ซ้อบอส” เต็มตัว พร้อมพวกรวม 5 คน สืบเนื่องจากปัญหาระดับชาติ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่ปัจจุบัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐบาลระดมพลแก้ปัญหาทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกมิติ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ/ผอ.ศปอส.ตร. นำทัพ ซึ่งปัจจุบันนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ได้วิเคราะห์ข้อมูลพบว่าการหลอกลวงรูปแบบ “ฟีลแฟนสแกมเมอร์” ถือเป็นภัยร้ายที่สร้างความเสียหายเป็นอันดับ 1
ล่าสุด พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น./รองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ศปอส.ตร. แกะรอยข้อมูลจากผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งถูกหลอกลวงแล้วได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.พระโขนง โดยแผนประทุษกรรมจะปลอมโปรไฟล์แล้วสนทนา “ฟีลแฟน” ให้เหยื่อหลงรัก ก่อนจะชักชวนให้ลงทุนเปิดร้านค้าติ๊กต็อกของสิงคโปร์ จากนั้นจะลวงให้ทำ “ภารกิจ” โดยการให้กดออเดอร์โดยให้เหยื่อออกเงินไปก่อน หลังเหยื่อทำภารกิจครั้งแรกสำเร็จก็ได้รับเงิน ทำให้เหยื่อตายใจ หลังจากนั้นต้องเพิ่มยอดเงินมากขึ้นซึ่งต่อมาก็ไม่สามารถถอนเงินออกได้ โดยมิจฉาชีพอ้างว่าเป็นเพราะเหยื่อกดออเดอร์ล่าช้า ต้องเพิ่มเงินเข้าไปอีกจึงจะถอนเงินในระบบได้ อันเป็นแผนประทุษกรรมของ “ฟีลแฟนสแกมเมอร์” ซึ่ง
พล.ต.ต.ธีรเดชแกะรอยเส้นทางการเงินจนพบว่าเงินที่แก๊งสแกมเมอร์นี้หลอกลวงได้แล้วท้ายสุดจะนำไปเข้าสู่ระบบแปลงเงินออกเป็นเหรียญดิจิทัล ผ่านช่องทางแอพพลิเคชั่น บริษัทชื่อดังในเมืองไทย
ซึ่งต่อมา พ.ต.ท.บดินทร เพ็ญสูตร สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT แกะรอยจนพบ Miss.ZHOU (สงวนนามสกุล) หรือ “บอสโจว” สาวหล่อหัวหน้าแก๊งสแกมเมอร์นี้ ซึ่งเจ้าตัวใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบายในประเทศไทย เปิดเซฟเฮาส์รังรักพลอดรักอยู่กับ น.ส.อลิษา (สงวนนามสกุล) หรือ “เล็ก” ครูสาวชาวไทยอนาคตไกลที่เพิ่งลาออกจากการเป็นครูผันตัวมาเป็น “ซ้อบอส” ได้ไม่นาน
โดยภายในเซฟเฮาส์ดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นรังรักของทั้งสอง แต่ยังเป็น “ด่านเงินสุดท้าย” ที่แก๊งสแกมเมอร์จะให้ระดับหัวหน้ามาทยอยโยกเงินออกไปเป็นบิตคอยน์ที่บ้านหลังนี้
ซึ่งต่อมา พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พร้อมคณะพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ออกหมายจับบอสทั้งสอง กระทั่งวันนี้ (19 ก.พ. 68) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ/ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT นำหมายค้นของศาลเข้าตรวจค้นเซฟเฮาส์ลับ รังรักของบอสสาวหล่อ ณ หมู่บ้านชื่อดังใน ซ.ราชวินิตบางแก้ว ถ.บางนา-ตราด จ.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จับกุมตัว Miss.ZHOU (บอสทอม) และ น.ส.อลิษา (แฟนสาวบอส) ซึ่งจากการขยายผลการจับกุมทั้งสองก็พบว่าภายในเซฟลับนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกแต่ไม่ได้อยู่ในบ้านเพราะกำลังออกไปพาคนไปเปิดบัญชี พล.ต.ต.ธีรเดชจึงได้นำกำลังออกติดตามไปจนพบ นายสุกฤษฏิ์ และ น.ส.อาทิตยา กำลังรับ นายสุเชษฐ์ เปิดบัญชีไปแสกนหน้าที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ม.รามคำแหง 2 จึงได้จับกุมตัวทั้ง 3 คน ไว้ทันที
และจากการตรวจค้นพบ บัญชีธนาคารพร้อมใช้ 102 บัญชี, บัตรเดบิต 70 ใบ, ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ประมาณ 1,000 ซิม, โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ก่อนจะขยายผลทราบว่าภายในบ้านนี้เป็น “รังลับ” ที่แก๊งสแกมเมอร์ฟีลแฟนใช้เป็นที่ตั้งในการทำบัญชี โดยจัดหาคน เป็นธุระ ให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร บัญชีวอลเล็ตคริปโทฯ True wallet ก่อนจะนำมาใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงและนำเงินที่ได้แปลงเป็นเงินดิจิทัล โดยมี Miss.ZHOU (บอสทอม) เป็นบอสคอยสั่งการ ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีทั้งหมดที่ตรวจพบความเชื่อมโยงในระบบการรับแจ้งความออนไลน์ (Case ID) รวมทั้งสิ้น 132 Case ID มูลค่าความเสียหายกว่า 91,192,017 บาท
ในชั้นจับกุม Miss.ZHOU (บอสทอม) ยังคงให้การภาคเสธ โดยให้การว่า “จะมีบอสอีกคนซึ่งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน คอยดูแลออฟฟิศสแกมเมอร์ ส่วนตนนั้นมาฝังตัวอยู่ในประเทศไทยเพื่อคอยจัดการเรื่องการทำบัญชีและเส้นทางการเงินที่ได้จากการหลอกลวง โดยบอสในฝั่งเพื่อนบ้านจะคอยโอนเงินไทยมาให้ตนเพื่อไปเป็นธุระจัดหาคนมาเปิดบัญชีม้าและเปิดวอลเล็ตคริปโทฯ พร้อมกับผูกไว้ในโทรศัพท์แบบพร้อมใช้ และอีกหน้าที่คือบอสฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจะโอนเงินมาให้ตนที่ถือบัญชีม้าวอลเล็ตม้าเหล่านี้ ก่อนให้ตนนำไปแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล แล้วให้โอนสับหลอกเจ้าหน้าที่ก่อนส่งกลับไปยังบอสฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้แอพพลิเคชั่นคริปโทฯ ดัง
ส่วน น.ส.อลิษา เป็นแฟนสาวของตน ตอนแรกเป็นครูแต่ตนได้ชักชวนให้มาทำงานด้วยเพราะพูดภาษาไทยไม่ได้ แฟนสาวจะทำหน้าที่คอยตอบแชตและจัดหาคนมาเปิดบัญชีม้าให้ โดยกระบวนการจะไม่เปิดแค่บัญชีธนาคาร แต่จะเปิดบัญชีวอลเล็ตของคริปโทฯ ด้วย”
ในชั้นจับกุม น.ส.อลิษา (แฟนสาวบอส) ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเพิ่งลาออกจากการเป็นครูที่โรงเรียนชื่อดังใน ซ.ลาซาล จ.กรุงเทพฯ โดยที่ลาออกเพราะ Miss.ZHOU ซึ่งเป็นแฟนของตนชักชวนให้ลาออกและมาช่วยงานเต็มตัว โดยตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย Miss.ZHOU จะรู้เรื่องทั้งหมด”
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า “จากการขยายผลเรามีพยานหลักฐานยืนยันว่า Miss.ZHOU (บอสทอม) และ น.ส.อลิษา (แฟนสาวบอส) เป็นระดับหัวหน้าสั่งการในประเทศไทย คอยจัดหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารและวอลเล็ตเงินสกุลดิจิทัล เพื่อใช้รับโอนเงินจากการหลอกลวงของแก๊งสแกมเมอร์ฟีลแฟน และยังโดยจะคอยแปลงเงินที่ได้จากการหลอกลวงจากเงินบาทแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล แม้ว่าทั้งสองยังคงให้การไม่เต็มที่ แต่เรามีพยานหลักฐานมัดแน่นและของกลางที่เราตรวจพบในบ้านแห่งนี้ถูกนำไปใช้หลอกลวงพัวพันกับระบบฐานข้อมูลรับแจ้งรวมทั้งสิ้น 132 Case ID มูลค่าความเสียหายกว่า 91,192,017 บาท ซึ่งหลังจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ/ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ขยายผลให้ถึงที่สุด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.”