เปิดแฟ้มย้อนคดี อดีตผู้กำกับโจ้ จากตร.ดาวรุ่ง สู่ผู้ต้องหาคดีคลุมถุงดำ ก่อนจบชีวิตในเรือนจำ

เปิดแฟ้มย้อนคดี อดีตผู้กำกับโจ้ จากตำรวจดาวรุ่ง สู่ผู้ต้องหาคดีคลุมถุงดำ ก่อนจบชีวิตในเรือนจำ

เมื่อปี 2564 เกิดคดีใหญ่ สะเทือนวงการสีกากี สร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่น “ตำรวจไทย” และกระบวนการยุติธรรมอย่างมาก จากการซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดของ  “พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล” อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือรู้จักกันในชื่อ “อดีต ผกก.โจ้” กับพวกอีก 6 คน ร่วมกันกระทำการใช้ถุงดำคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนสิ้นลม

จุดเริ่มต้นคดีสะเทือนขวัญ

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ได้มีคลิปเผยแพร่ในโลกโซเชียล พบเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายใน สภ.เมืองนครสวรรค์ ในขณะที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งยืนล้อม นายจิระพงษ์ ธนะพัฒน์ หรือ มาวิน ผู้ต้องหาคดียาเสพติด จากนั้นตำรวจในกลุ่มได้กล่าวกับผู้ต้องหาให้สารภาพก่อนจะใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาจนถึงแก่ความตาย

จากนั้นข่าวตำรวจซ้อมผู้ต้องหาจนเสียชีวิต กลายเป็นข่าวใหญ่ทั้งในสื่อไทย รวมไปถึงสื่อต่างประเทศที่รายงานประเด็นนี้ พร้อมกับประวัติของอดีตผู้กำกับหนุ่มมาแรงและชีวิตอันแสนหรูหรา

สำหรับ ผู้กำกับโจ้ เป็นถึงตำรวจไฮโซ ประวัติโด่งดังฉายา “โจ้ เฟอร์รารี่” คบหาสาวไฮโซและดารามากมาย ไม่น่าเชื่อจะก่อเหตุรุนแรงเช่นนี้ได้จริง และสิ่งแสดงความร่ำรวยคือรถซุปเปอร์คาร์หลายคัน ซึ่งคาดว่าจะมาจากการเป็นเจ้าของคดีจับรถหรูถึง 368 คัน

ADVERTISMENT

 

จุดเริ่มต้นของคดีนี้ ดาบโบ้ ซึ่งถือเป็นพ่อบ้านของตำรวจทีมเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดชุด 05 มีประสบการณ์ในพื้นที่มาหลายปี ให้ข้อมูลกับทีมชุดจับว่า ผู้ตายเป็นพ่อค้ายารายสำคัญ และมีทรัพย์สินอยู่มาก จึงไปจับตัวมาจากถนนสายเลี่ยงเมืองนครสวรรค์

พบผู้ตายมียาไอซ์อยู่ที่ตัว 3 กรัม และมีข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเป็นการบันทึกภาพถ่ายยาเสพติดไว้จำนวนมาก จึงนำตัวมาขยายผลที่บ้านกาแฟ และนำตัวผู้ตายไปค้นบ้านพักในพื้นที่ อ.ตาคลี ในช่วงกลางดึก แต่ไม่พบยาเสพติด จึงได้นำมาสืบสวนต่อ

มีรายงานว่า ผู้กำกับโจ้ได้เรียกรับเงินจากผู้ต้องหา 2 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาจะจ่ายเพียง 1 ล้านบาท เมื่อต่อรองสินบนไม่ได้ตามเป้าหมาย ผู้กำกับโจ้ พร้อมพวก ได้นำถุงดำมาคลุมหัว “มาวิน” ผู้ต้องหาจนเสียชีวิต จากนั้นนำศพไปยังโรงพยาบาล และปล่อยตัวผู้ต้องหาหญิงที่มาด้วยกันกับมาวิน โดยสั่งห้ามบอกเรื่องราวทั้งหมดกับผู้อื่น เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกดำเนินคดี

ถูกสั่งย้ายยันไม่ได้ทำร้าย-รีดทรัพย์?

ต่อมา พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภาค 6 ในขณะนั้น มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนพล หรือผู้กำกับโจ้ ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ภาค 6 เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนข้อเท็จจริง

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ธิติสรรค์ให้สัมภาษณ์เมื่อโดนย้ายว่า ยืนยันไม่ได้ซ้อม หรือทำร้ายใดๆ ครอบครัวน้องที่ตายก็ทราบว่ามีโรคประจำตัว ส่วนเรื่องเรียกร้องเงินทอง ยืนยันว่าในฐานะตำรวจไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ ทีมงานของตนก็ไม่เคยทำ

“ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานกำลังเก็บรายละเอียดรายงานผู้บังคับบัญชา ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นไปทราบรายละเอียดเป็นอย่างดี และสั่งการให้อยู่เงียบๆ เฉยๆ เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไปตามระเบียบ”

ขณะที่ พ่อของผู้เสียชีวิต ระบุว่า ไม่เชื่อว่าจะมีการจับตัวรีดค่าไถ่ยาเสพติด วันเกิดเหตุลูกชายพาลูกสะใภ้เข้าเมืองเพื่อทำหน้า แต่ระหว่างทางเกิดน็อก เนื่องจากพักผ่อนน้อย สูบบุหรี่จัด อ้วนและเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ตำรวจช่วยพาส่งโรงพยาบาลพริ้นซ์ปากน้ำโพ เอกซเรย์ปอดพบฝ้า จึงนำส่งต่อที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

“ผู้กำกับเป็นคนดีมาก พยายามช่วยลูกผมเต็มที่ หลังลูกตาย ผู้กำกับยังคุกเข่ากอดผมร้องไห้ด้วยความเสียใจ บอกยินดีจะช่วยเหลือเต็มที่หากมีอะไรขัดข้อง”

ออกหมายจับ ตั้งทีมล่า ผกก.โจ้

ต่อมาเวลา 09.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม ศาลจังหวัดนครสวรรค์ก็อนุมัติหมายจับ 7 ตำรวจ ประกอบด้วย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์, พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง สว.สส.สภ.เมืองนครสวรรค์, ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค รอง สวป.สภ.เมืองนครสวรรค์, ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา รอง สว.(ป) สภ.เมืองนครสวรรค์, ด.ต.ศุภกร นิ่มชื่น ผบ.หมู่(ป) สภ.เมืองนครสวรรค์, ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว รอง ผบ.หมู่(ป) สภ.เมืองนครสวรรค์ และ ส.ต.ต.ปวีกรณ์ คำมาเร็ว ผบ.หมู่(ป) สภ.ตาคลี

ทั้งหมดถูกตั้งข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

ขณะที่รายงานระบุว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ร.ต.ท.ธรณินทร์ และ ด.ต.วิสุทธิ์ อยู่ระหว่างหลบหนี

ในขณะนั้น กระแสข่าวว่ามีกองทัพกะเหรี่ยงจับได้ที่เมียวดี หนีซุกกาสิโน แต่ก็เป็นเพียงรายงานข่าว ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

จากนั้นเวลา 18.00 น. ของวันที่ 26 สิงหาคม ภายหลังจากยืนยันว่า ได้รวบตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ และ ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา อดีตรอง สว.(ป.) สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้แล้ว

ทั้งนี้ ได้มีการเปิดเผยภาพของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ และ ร.ต.ท.ธรณินทร์ ที่ถูกจับตัวได้แล้วด้วย โดยมีรายงานข่าวว่า สามารถจับผู้การโจ้ได้ที่ จ.ชลบุรี ขณะที่ ร.ต.ท.ธรณินทร์นั้น จับได้ที่ จ.เพชรบุรี พร้อมกันนี้ ผู้กำกับโจ้ได้เปิดเผยเบื้องต้นว่า จากคลิปดังกล่าวไม่ได้มีการรีดไถเงินแต่อย่างใด เสียใจที่ทำให้ภาพลักษณ์ตำรวจเสีย และที่หนีไปนั้นต้องการไปตั้งหลักก่อน

เวลา 21.35 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในขณะนั้น ได้ร่วมแถลงข่าวกรณีดังกล่าว ซึ่ง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ได้โฟนอินตอบคำถามสื่อมวลชน พร้อมทนาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไว้ใจอยู่ด้วย โดยระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการรีดไถเงิน แต่ก่อนหน้านั้น จับผู้ต้องหาได้ และมีการยึดของกลางจำนวนหนึ่ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเพียงเพื่อต้องการข้อมูลยาเสพติดเท่านั้น

ยึดทรัพย์ ผกก.โจ้ เจอรถหรู-เลี่ยงภาษีอื้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพบบัญชีของอดีต ผกก.โจ้ มีรถหรูมากกว่า 40 คัน สร้างคำถามให้แก่ประชาชน

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ในขณะนั้น ออกมาเปิดเผยว่า เป็นเจ้าของสำนวนคดีนำจับรถหรูเพื่อนำส่งให้กับกรมศุลกากรทั้งสิ้น 368 คัน ซึ่งสามารถประมูลขายทอดตลาดไปแล้ว 363 คัน ยังเหลือค้างอยู่อีก 5 คันที่ขายไม่ได้

“รถดังกล่าวได้นำออกประมูลขายทอดตลาด 363 คัน รวมเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท จากราคากลางประมาณ 516 ล้านบาท ซึ่งกฎหมายเดิม มีการแบ่งเงินสินบนให้สายข่าว ตรา 30% และแบ่งให้ 25% เป็นเงินรางวัลนำจับที่จัดสรรให้กับผู้นำจับ โดยไม่มีขั้นต่ำ”

พบด้วยว่า รถ 13 คันที่มีชื่อเป็นเจ้าของนั้น มีการนำเข้าจากต่างประเทศ 5 คัน และประมูล 2 คัน โดยมีรถหรูที่มีชื่อทั้งหมด 42 คัน

ขณะที่ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในขณะนั้น เปิดเผยว่า ลัมโบร์กีนี ของ ผกก.โจ้ หมายเลขตัวรถ ZHWEC1Z06ELA รุ่น aventador มูลค่าประมาณ 48 ล้านบาท เป็นคดีพิเศษ โดยสำแดงราคานำเข้าต่ำกว่าราคาซื้อขายจริง เพื่อเลี่ยงภาษี

“ทำให้รัฐเสียหายคิดเป็นราคาขาด 9,512,525.61 บาท อากรขาด 7,610,020.00 บาท ภาษีสรรพสามิตขาด 19,025,050.27 บาท ภาษีเพื่อมหาดไทยขาด 1,902,505.33 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มขาด 2,663,507,48 บาท ทำให้ภาษีอากรรวมขาด 31,201,083.08 บาท

สั่งจำคุกตลอดชีวิตผู้กำกับโจ้

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตัดสินประหารชีวิต ก่อนลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต ผู้กำกับโจ้ ในฐานะความผิด เช่น ร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่ โดยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต เป็นต้นผู้ร่วมกระทำความผิด ส่วนหนึ่งได้รับโทษประหารชีวิต มีการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

โดยศาลพิพากษาว่าจำเลย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.โจ้ จำเลยที่ 1-5 และ 7 กระทำผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษข้อหาฆ่าโดยโหดร้ายทารุณฯบทหนักสุดให้ประหารชีวิตลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต

ส่วนจำเลยที่ 6 ผิดข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จำคุก 5 ปี 4 เดือน

พร้อมกับส่งตัว ผู้กำกับโจ้ เข้าเรือนจำกลางคลองเปรม

อ่านข่าว ด่วน! คุกตลอดชีวิต ผกก.โจ้-พวก ร่วมฆ่าทารุณฯ ส่วนจำเลยที่ 6 โดน 157 คุก 5ปี 4เดือน(คลิป)

ตัดสินใจจบชีวิตในเรือนจำ

ช่วงเช้าของวันที่ 8 มีนาคม สน.ประชาชื่น รายงานเหตุ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือโจ้ อุทธนผล อายุ 43 ปี ผู้ต้องขัง คดีใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหายาเสพติดจนเสียชีวิต ได้แขวนคอจบชีวิตในเรื่องจำ วันเวลารับแจ้งเหตุ 7 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 23.00 น. สถานที่เกิดเหตุห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

กรมราชทัณฑ์ชี้แจงการเสียชีวิต เบื้องต้นว่า ผู้กำกับโจ้ต้องจำมาแล้วในเรือนจำ 3 ปี 6 เดือน 13 วัน โดยรับตัวผู้ต้องขังเข้าคุมขังเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ปัจจุบันถูกคุมขังที่ห้องแยกการควบคุม แดน 5

เรือนจำได้ตรวจสอบประวัติการรักษาพบว่า ข.ช.ธิติสรรค์ มีโรคประจำตัว คือ ภาวะหัวใจสั่น (Essential tremor) มีไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia) และมีอาการป่วยด้วยโรคทางจิตเวชวิตกกังวล (Anxiety disorder) ซึ่งได้รับการรักษาและรับยาต่อเนื่อง โดยพบจิตแพทย์ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และมีนัดพบจิตแพทย์ในเดือนเมษายน 2568 ขณะควบคุมในเรือนจำ ผู้ต้องขังมีพฤติกรรมหวาดระแวงกลัวผู้ต้องขังอื่นทำร้าย เนื่องจากเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ เรือนจำจึงได้รับคำร้องของผู้ต้องขังและพิจารณาอนุญาตให้แยกการควบคุมจากผู้ต้องขังอื่น และยังเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในเรือนจำได้เป็นปกติ

จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 ช่วงเที่ยงผู้ต้องขังได้รับการเยี่ยมเยียนจากภรรยา ซึ่งเจ้าพนักงานเรือนจำไม่พบเหตุผิดปกติแต่อย่างใด ต่อมาเมื่อเวลา 20.25 น. เจ้าพนักงานเวรรักษาการณ์ ขณะกำลังเดินไปจ่ายยาประจำตัวให้กับ ข.ช.ธิติสรรค์ พบว่าผู้ต้องขังนั่งหลังพิงกับประตูห้องขัง จึงได้พยายามเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้แจ้งพัศดีเวรและพยาบาลเวร เข้าเปิดห้องขังเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ตามหลักวิชาชีพ แต่พบว่า ผู้ต้องขังใช้ผ้าขนหนูขนาดเล็กผูกคอกับประตูห้องขัง ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก ไม่รู้สึกตัว ปลายนิ้วมือซีดเขียวคล้ำ ไม่พบชีพจรบริเวณหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ จึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ ในเบื้องต้น เรือนจำได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าทางเดินของห้องขังผู้ต้องขังดังกล่าว ซึ่งไม่พบว่ามีผู้ใดเข้าออกห้องดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมทั้งแจ้งพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ แพทย์ เจ้าพนักงานปกครอง เพื่อดำเนินการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมทั้งจะได้เชิญญาติเพื่อรับทราบต่อไป

อ่านข่าว ด่วน! อดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องหา คดีคลุมถุงดำ แขวนคอจบชีวิตในเรือนจำ