ตำรวจไซเบอร์แถลงรวบหนุ่ม 19 ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เครือญาติตัวเอง แล้วถ่ายคลิป พร้อมขยายผลจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รอง ผบก.สอท.4 และ พ.ต.อ.เกรียงไกร พุทไธสง ผกก.กลุ่มงานสนับสนุนทางไซเบอร์ บก.ตอท. ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาลวงเด็กหญิงมาล่วงละเมิด ถ่ายคลิป และการทลายเครือข่ายจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์
ปฏิบัติการที่ 1 สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (บก.ตอท.) หรือ TICAC ได้รับการประสานจากศูนย์ประสานงานช่วยเหลือเด็กหายและเด็กถูกละเมิดแห่งชาติ ของประเทศสหรัฐอเมริกา (NATIONAL CENTER FOR MISSING & EXPLOITED CHILDREN : NCMEC) ว่าได้ตรวจสอบพบภาพของเด็กหญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งมีการอัพโหลดในระบบ Google Drive จึงตรวจสอบ IP Address พบว่ามาจากประเทศไทย
จึงประสานข้อมูลมายังตำรวจไซเบอร์ให้ช่วยทำการสืบสวน จนพบข้อมูลว่าผู้กระทำผิดอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติออกหมายค้น และนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ พบ นายนพคุณ อายุ 19 ปี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และเสื้อยืดแขนยาวสีดำที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ และยังพบสื่อลามกอนาจารเด็กที่นายนพคุณเป็นผู้ถ่ายเองด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเด็กที่ตกเป็นเหยื่อถูกล่วงละเมิด ซึ่งสามารถระบุตัวตนได้แล้ว 1 ราย โดยเป็นเครือญาติของตัวผู้ต้องหาเอง เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าพาเด็กไปล่วงละเมิดทางเพศภายในห้องนอนที่ตนอาศัยอยู่ และถ่ายคลิปเอาไว้มานานกว่า 1 ปี
จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, บันทึกภาพหรือเสียงการกระทำชำเราหรือการกระทำอนาจารนั้นไว้เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศสำหรับตนเองและผู้อื่น, ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสอบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่น หรือเด็กที่อาจตกเป็นเหยื่อรายอื่นต่อไป ส่วนเด็กผู้เสียหายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับบ้านพักเด็กจังหวัดเชียงใหม่เข้าพูดคุยกับผู้ปกครอง เพื่อคุ้มครองเยียวยาและนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
ส่วนปฏิบัติการที่ 2 สืบเนื่องจากการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมากในช่วงนี้ ทำให้หน้าร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าปิดตัวลงแล้วปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีนำสินค้ามาสต๊อก หรือซุกซ่อนเพื่อจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์แทนการเปิดหน้าร้าน
เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการสืบสวนตามสื่อโซเชียล รวมทั้งกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ที่มีพฤติกรรมใช้บุหรี่ไฟฟ้า กระทั่งพบเบาะแสการจำหน่ายทางเฟซบุ๊ก ซึ่งกลุ่มลูกค้าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา และเยาวชน จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุดใน จ.เชียงราย
ประกอบด้วย พื้นที่ อ.เมือง 2 จุด และ อ.แม่สาย 1 จุด พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย คือ น.ส.วาสิณี, นายนัท และนายจีรศักดิ์ พร้อมตรวจยึดของกลางบุหรี่ไฟฟ้าได้กว่า 300 ชิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พร้อมขยายผลต่อไป