บิ๊กเต่า บุกทลายเครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก รวบ พันเอกหญิง พร้อมแพทย์หญิง ตัวการสำคัญของขบวนการ
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 26 มีนาคม สำนักงาน ป.ป.ท. นำโดย นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พร้อมด้วย พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. รักษาราชการแทน รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.นางสาวอาภรณีย์ เสมรสุต ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 1 หัวหน้าชุดปฏิบัติการ พันตำรวจโท สราวุธ คำเหลือง ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต นางสาววรัญญา ชวศุภกุล ผู้อำนวยการกองบริหารความเสี่ยงและสกัดกั้นการทุจริตในภาครัฐ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ร่วมกับ บก.ปปป. นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. และสำนักงาน ป.ป.ช. นำโดยนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ได้ร่วมกันเปิดปฏิบัติการ ปราบปรามขบวนการทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก พร้อมทั้งสนธิกำลังจับกุมผู้ต้องหาและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
พร้อมกันนี้ได้เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 18 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ลพบุรี ปราจีนบุรี แลัชลบุรี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตเบิกจ่ายยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึกก่อนนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก
โดยวันนี้เป็นการร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิด โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 2 คน 2.กลุ่มแม่ทีมเครือข่ายนำคนเข้ารับยา จำนวน 2 คน และ 3. กลุ่มรับซื้อยาและจำหน่ายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย จำนวน 4 คน อีกทั้งยังได้ร่วมตรวจค้นร้านยาในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯและจังหวัดชลบุรี ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นแหล่งรับซื้อยาจากกลุ่มผู้กระทำผิด และตรวจค้นบ้านพักและที่อยู่อาศัยของผู้ถูกจับกุมทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ลพบุรี ปราจีนบุรี และชลบุรี
โดยเป้าหมายสำคัญจุดแรกอยู่ที่ บ้านพักของ “พันเอกหญิง ก.” ข้าราชการบำนาญ ในย่านเกียกกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ม.157, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารอันเป็นเท็จ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
หลังพบพยานหลักฐานว่า “พันเอกหญิง ก.” มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตดังกล่าว เนื่องจาก
เป็นหัวหน้าขบวนการ ทำหน้าที่จัดหาเครือข่ายบุคคลจาก จ.ลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา ซึ่งแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท
นอกจากนี้ ยังอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญอีกหนึ่งจุดคือ บ้านพักของแพทย์หญิง บ. แพทย์ผู้ชำนาญการ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ในย่านลาดพร้าว 71 โดย “แพทย์หญิง บ.” ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ เนื่องจากเป็นคนทำหน้าที่สั่งจ่ายยา โดยการวินิจฉัยโรคให้เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริงให้กับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับยาในขบวนการนี้
สำหรับที่ไปที่มาของปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ได้ปรากฏข่าวว่ามีขบวนการนำยาออกจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึกโดยทุจริต ซึ่งมีพฤติการณ์จัดหาเครือข่ายบุคคลจาก จ.ลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา ซึ่งแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีการทุจริตมาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน
ต่อมาสำนักงาน ป.ป.ท.ได้รับทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเห็นว่ามีมูลการกระทำผิดจึงได้แจ้งให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดพิจารณาตรวจสอบ เป็นเหตุให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกได้ทำการร้องทุกข์ต่อ บก.ปปป. และมีการดำเนินคดีอาญากับกลุ่มผู้กระทำผิดทั้งหมด ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จนนำมาสู่การบูรณาการเข้าบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน ระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ท. บก.ปปป. และสำนักงาน ป.ป.ช.
ขบวนการดังกล่าว มี “พันเอกหญิง ก.” เป็นหัวหน้าขบวนการ วางแผนตระเตรียมให้แม่ขายจัดหาบุคคลมาพบแพทย์ ทำทีตรวจรักษากับ “แพทย์หญิง บ.” เพื่อที่ “แพทย์หญิง บ.” จะได้สั่งจ่ายยาให้กับผู้นั้น และสั่งจ่ายยาที่เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ก่อนจะรวบรวมยาทั้งหมดแล้วนำไปขายตามคลินิก หรือร้านยาต่างๆ แล้วนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน
จากการจรวจสอบเส้นทางการเงินของ “พันเอกหญิง ก.” พบในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2561-2568 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท ขณะที่ความเสียหายจากการทุจริตดังกล่าวขณะนี้มีการประเมินความเสียหายไว้อยู่ที่ 80 ล้านบาทโดยประมาณ
อย่างไรก็ตาม จากปฏิบัติการดังกล่าว เบื้องต้นมีรายแจ้งเข้ามาแล้วว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม “พันเอกหญิง ก.” และ “แพทย์หญิง บ.” ได้แล้ว อยู่ระหว่างคุมตัวไปสอบปากคำที่ บก.ปปป.


