คนเปิดโปง คดีทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ร่ำไห้ เก็บหลักฐานกว่า 21 เดือน ดีใจตร.จับตัวการสำคัญได้
ตามที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำแถลงข่าวปฏิบัติการ “สยบนาคี” บุกจับแพทย์ พยาบาลทหาร พร้อมพวก ทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยแถลงร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หลังเมื่อเช้านี้มีปฏิบัติการเจ้าตรวจค้น 17 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 8 คน และยังเข้าตรวจค้นร้านยาที่ต้องสงสัยอีก 11 จุด
ซึ่งตอนหนึ่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ ต้องขอบคุณผู้แจ้งเบาะแส คือ คุณพัชนีย์ ที่พบเห็นการทุจริตแล้วไม่นิ่งดูดาย ใช้ความรู้และทรัพย์สินส่วนตัวเก็บข้อมูลภาพคลิปหลักฐานทุกอย่าง ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะมอบโล่ทำความดีเพื่อสังคมให้นั้น
อ่านข่าว แฉพฤติการณ์ พอ.-พญ. โกงยาทหารผ่านศึก สั่งจ่ายยา 28% ของทั้งรพ. เลือกยานอก 90% เหตุกำไรสูง
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการแถลงข่าว นางสาวพัชนีย์ หรือ ก้อย ร้องไห้และสวมกอด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และบอกว่า “วันนี้พี่ทำได้จริง พี่เอาหลักฐานหนูไปต่อยอด วันนี้ตั้งใจเดินทางมาจาก จ.ลพบุรี อยากมาให้เห็นกับตาตัวเอง”
นางสาวพัชนีย์ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมารอฟังรายละเอียด และรอลุ้นไปด้วยกันกับทุกคน อยากมาให้กำลังใจตำรวจ รวมไปถึงอยากมาเห็นกับตาว่าตำรวจได้ขยายผลจากข้อมูลที่ตนให้ไปอย่างไรบ้าง ที่ร้องไห้ออกมาเพราะรู้สึกดีใจ
วันนี้ตำรวจได้กวาดล้าง และเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดได้สำเร็จ ทำให้ประชาชนได้เชื่อมั่น ที่ผ่านมาอดทนเก็บหลักฐานทั้งหมด ตลอดระยะเวลา 21 เดือน 24 วัน วันนี้ทุกอย่างมันโล่งหัวแล้ว สิ่งที่ตั้งใจทำ ก็แค่อยากทำให้ลูกได้ภูมิใจ
นางสาวพัชนีย์ กล่าวว่า การที่ออกมาให้ข้อมูล ตนไม่ได้สร้างภาพ เพราะไม่รู้ว่าจะสร้างไปทำไม ตนทำทุกอย่างในฐานะประชาชนคนไทยธรรมดาคนหนึ่ง เห็นอะไรที่ทำไม่ถูกต้อง ก็อยากช่วยประเทศชาติ ไม่ได้อยากเด่น อยากดัง และไม่ได้เก่งอะไร แต่มั่นใจว่า แค่กล้าที่จะรวบรวมหลักฐาน อยากจะเปิดโปงความจริง ไม่ได้คิดอย่างอื่น โดยที่ผ่านมาไม่ได้กลัว หรือกังวลอะไร และไม่ได้ถูกข่มขู่คุกคามจากใครด้วย
นางสาวพัชนีย์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนให้หลักฐานตำรวจไป จากนั้น 1 เดือนกับอีก 14 วัน ถึงมีวันนี้ ตำรวจสามารถจับกุมหมอ และพันเอกหญิงได้ วันแรกที่เจอบิ๊กเต่า ยังจำได้ดี เราได้ให้หลักฐานทั้งหมด และท่านก็รับปากว่าจะขยายผลให้ และตนก็มาอยู่กองปราบฯ จนเหมือนบ้าน ก็อยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ทุกภาคส่วน
หลังจากจบการแถลงข่าว นางสาวพัชนีย์ นำดอกไม้มามอบให้กับตำรวจชุดทำคดี และหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั้นเครือว่า “นับถือน้ำใจ อดีตแม่ทีมที่ได้กลับตัวกลับใจ และได้ช่วยกันเก็บหลักฐานจนมาถึงวันนี้ เราเองก็เป็นครอบครัวทหาร จึงมองว่าถ้าเราทำผิด เราก็ต้องยอมรับ และถอนตัวออกมาจากสิ่งนั้น”
เช่นเดียวกับอดีตแม่ทีม ที่หลังจากเขามาบอกความจริง ก็กลับไปคิด 3-4 เดือน ก่อนนำหลักฐานทั้งหมดมาให้ตน ตอนแรกตนก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย จึงได้ปรึกษากับแฟน เพราะสงสัยว่ามันมีแบบนี้ด้วยเหรอ สิ่งหนึ่งที่ตัดสินใจจัดการอย่างเด็ดขาด ตนได้ให้แม่ทีมโทรหา พันเอกหญิงกัญยารัตน์
แต่พอโทรไป ก็ถูกต่อว่าทำไมเดือนนี้ถึงได้เงินน้อยจัง จึงมีความรู้สึกว่าทนไม่ได้แล้ว อีกทั้งข้อมูลในมือถืออีกหลายอย่าง จึงได้รวบรวมหลักฐาน และไปตามดู ก็เลยไปที่รัฐสภา ที่พึ่งเดียว และเป็นปากเป็นเสียงแทนเราได้
จนยาวมาจนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ข่าวออก Twitter จนตนได้มาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และได้มาเจอ “บิ๊กเต่า” ที่ลูกเรียกว่าลุงเต่าเทอร์โบ จึงได้เอาหลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมมา ส่งมอบให้กับท่าน วันนี้รู้สึกตื้นตันใจว่ามีข้าราชการที่ตอบสนองการเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเหมือนที่ตนเห็น ตนยืนยันไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง
นอกจากนี้ วันนี้ก็เป็นที่ชัดเจนว่าตนทำได้ ทำให้ลูกเห็น และขออยากให้ญาติพี่น้องของผู้กระทำผิด ให้ยอมรับในสิ่งที่ญาติตัวเองทำ และตักเตือนดีกว่ามารังควานอดีตแม่ทีม หรือครอบครัวก้อย
ขอบคุณ ข่าวสด