ผู้เขียน | พีระมิด |
---|
⦁…“โลกจะไม่พังเพราะคนชั่วหรอก แต่จะพังเพราะคนดีที่มองดูเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรต่างหาก” วาทะ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวเยอรมัน
⦁…เมื่อภัยพิบัติธรรมชาติจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ที่เมียนมา สะเทือนถึงไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร แรงสั่นสะเทือน ทำให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เเห่งใหม่ 30 ชั้น ที่เดียวถล่มลงมา โครงการ 2,136 ล้านบาท มีกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) สร้างคืบหน้าไป 30% ก่อนเกิดเหตุ จนเป็นที่มาการขุดคุ้ยความไม่ชอบมาพากลในเวลาต่อมา
⦁…ที่สุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ ฐานความผิด “นอมินี” พบพิรุธคนไทยผู้ถือหุ้น ชื่อประจวบ ตามไปตรวจสอบถึงบ้านที่ร้อยเอ็ด มีหุ้น บ.ไชน่าฯ ถึง 102,000 หุ้น ทราบว่า มีเงินเดือนหมื่นบาท ยังพบว่าถือหุ้นนิติบุคคลอื่นอีก 10 บริษัท แถมยังเจออีกว่า 3 คนไทยที่ถือหุ้นบริษัทจีนนี้ ยังไม่เคยประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างมาก่อน แต่กลับเป็นผู้ถือหุ้นขนาดใหญ่แบบนี้ ที่สำคัญรับงานภาครัฐ 29 โครงการทั่วประเทศ เป็นเงิน 2.2 หมื่นล้านบาท
⦁…พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยธ. ชี้ว่า การทำคดีมุ่งเน้นไปที่การหาสาเหตุการถล่มของอาคาร และการตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยจะใช้พยานหลักฐานจากพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุเพื่อระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากอะไร ใครจะต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย และตรวจสอบ กรรมการ ผู้ถือหุ้น บ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 แสดงให้เห็นว่าอาจถือหุ้นอำพรางเพื่อเข้าร่วมการประมูลงานภาครัฐ โดยเฉพาะการเสนอราคาประมูลที่ต่ำ อาจบ่งชี้ถึงการฟันงานเพื่อให้ได้งานจากรัฐหรือไม่ การสอบสวนนี้ยังคงดำเนินไป ดีเอสไอคาดว่าจะสามารถออกหมายเรียกพยานกลุ่มแรกมาให้ปากคำได้ในไม่กี่สัปดาห์ พร้อมกับตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมเพื่อเอาผิดฮั้วงาน และเล็งสอบเรื่องฟอกเงินด้วย
⦁…ขณะที่ตำรวจต้องทำคดีอาญา เมื่อมีคนเจ็บ คนตาย เจ้าของพื้นที่ตำรวจนครบาล นำโดย “น.1” พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้พนักงานสอบสวน บก.น.2 เร่งรัดสำนวนคดีชันสูตรกับทางนิติเวช รพ.ตร. เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของเหยื่อในเหตุการณ์ทั้งหมด สรุปสาเหตุเสียชีวิตว่าเกิดจากภัยพิบัติ หรือเป็นประเด็นที่เกิดจากความประมาทในการก่อสร้าง ขณะเดียวกัน “บิ๊กสยาม” ประชุม พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. และทีมงาน ตรวจสอบและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้จากซากสร้างอาคาร ทั้งเหล็กเส้น แท่นปูน เสาปูน นำไปเป็นวัตถุพยานในการตรวจสอบหาสาเหตุอาคารถล่ม โดยมาร์กจุดให้ทีมรื้อถอนนำวัตถุพยานจากจุดนั้นๆ ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ พิสูจน์ค้นหาข้อเท็จจริงทุกประเด็นจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้
⦁…นอนคุก 2 เดือน หลังศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาชาวจีน 4 ราย ลักลอบขนแฟ้มเอกสารออกมาจากด้านหลังซากตึก สตง.ถล่ม จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวพร้อมยึดเอกสารทั้งหมดไว้ตรวจสอบ และยืนยันว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวทำงานอยู่ในบริษัทที่เป็นกิจการร่วมค้ากับบริษัท อิตาเลียนไทย ตำรวจส่งอัยการยื่นฟ้องในวันที่ 1 เมษายน จำเลยทั้งหมดรับสารภาพ ศาลแขวงพระนครเหนือพิจาณาคำฟ้องประกอบคำรับสารภาพพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 4 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกอบประมวลกฎหมายอาญา เจอคุกคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 6 พันบาท ก่อนที่ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเนื่องจากจำเลยทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกคนละ 1 เดือน และปรับคนละ 3 พันบาท พร้อมรอลงอาญาไว้ 1 ปี
⦁…ฉวยโอกาสในวิกฤตคนอื่น นายสมนิจ อายุ 51 ปี ถือบัตรพนักงานหญิงสาวรายหนึ่งเข้ามาบริเวณตึก สตง.ถล่ม กุเรื่องภรรยาตั้งครรภ์ 4 เดือนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง เป็นดราม่า เรียกความสงสารจากชาวบ้านติดตามข่าวจำนวนมาก บางคนถึงขนาดบริจาคเงิน ล่าสุดโอละพ่อ ไปคุ้ยเจอว่า นายสมนิจไม่ได้ทำงานอยู่ในที่เกิดเหตุ รวมถึงหญิงสาวในบัตรไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน ต่อมาหญิงสาวคนดังกล่าว เดินทางมาแจ้งความเนื่องจากทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถึงกับเอ่ยว่า “ถึงหนูไม่สวย แต่หนูก็เลือกนะคะ” โดนควบคุมตัว “คนปั้นน้ำเป็นตัว” ได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต รับสารภาพว่าทำไปเพราะดื่มเหล้าหนัก ไม่ได้มีเจตนาเรี่ยไรเงิน พร้อมขอโทษทุกคนและหญิงสาวในบัตร โดนแจ้งข้อหา 2 ข้อหา ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เรียบร้อย
⦁…“บิ๊กหลวง” พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. จับมือกับกรมศุลกากรตรวจยึดเฮโรอีนน้ำหนัก 2,140 กรัม 84 แท่ง ซุกซ่อนภายในซองโปรตีนบาร์ 84 แท่ง เตรียมจัดส่งปลายทางออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่าพัสดุถูกส่งมาจากเมืองหลวงประเทศไทย ผ่านบริษัทขนส่งพัสดุเอกชน ส่งไปยังบริษัทรับจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ หลังจากนี้เตรียมประสานงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียขยายผลหาผู้ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ภายในประเทศออสซี่ต่อไป…⦁