จับชาวบ้านฝ่าฝืนเผาตอซังข้าว หลักฐานไฟแช็คคามือ สร้างฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ลอยคลุ้งทั่วเมืองพิจิตร แถมบดบังทัศนวิสัยบนท้องถนน เสี่ยงก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ต.อ.ณัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส. พ.ต.ท.หญิง ภิ์ษัชกร เลิศวิลัย สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปทส. ร่วมกันจับกุม นายสุชาติ (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านต.ท้ายน้ำ อ.โพทะเล จ.พิจิตร หลังพบว่าจุดไฟเผาตอซังข้าวในที่นาริมทาง ห่างจากถนนโพทะเล – บางลาย หมู่ 3 ต.ท้ายน้ำ อ.โพทะเล เข้าไปประมาณ 500 เมตร ทำให้เกิดกลุ่มควันพิษจำนวนมากลอยออกมาปกคลุมท้องถนน จนผู้ใช้รถใช้ถนนขาดทัศนวิสัยในการขับขี่และเสี่ยงเป็นต้นตอให้เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
สอบสวน นายสุชาติให้การรับสารภาพ จึงแจ้งข้อหา “เผาหรือกระทำด้วยประการใดให้เกิดควันในระยะที่กระทบต่อความปลอดภัยของการจราจร” ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก
อีกรายเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส.ร่วมกับฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยอำเภอบางมูลนาก เข้าจับกุม นายกฤษณะ (สงวนนามสกุล) พร้อมของกลาง ไฟแช็ค 2 อัน หลังก่อเหตุจุดไฟเผาตอซังข้าวในที่นา ต.หอไกร อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร มีพื้นที่ถูกเผาไปกว่า 50 ไร่ ครอบคลุมแนวต้นไม้ ถนน และใกล้แหล่งชุมชน ทำให้เกิดกลุ่มควันหนาทึบพวยพุ่งล่องลอยกระจายไกลออกไปหลายกิโลเมตร ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนทั้งในอ.บางมูลนากและพื้นที่ใกล้เคียง
สอบสวน นายกฤษณะให้การรับสารภาพ มีคนว่าจ้างให้แอบมาจุดไฟเผาตอซังข้าว ไม่คิดว่าไฟจะลุกลามไปใกล้และเกิดกลุ่มควันจำนวนมาก จึงแจ้งข้อหา “กระทำการอันอาจก่อให้เกิดสาธารณภัย” ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ก่อนควบคุมผู้ต้องหาทั้งสองกรณีส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล และ สภ.บางมูลนาก ดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ณัทกฤช เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยังตรวจพบการลักลอบเผาในช่วงเวลากลางคืนมากขึ้น ซึ่งหลายครั้งเมื่อลงพื้นที่เกิดเหตุ ตัวผู้ก่อเหตุก็ไหวตัวทันบางรายวิ่งหนีหายไปในความมืด ทิ้งไฟที่กำลังลุกไหม้ไว้เบื้องหลัง พฤติกรรมดังกล่าวจึงสะท้อนชัดว่า ผู้กระทำรู้ว่าการกระทำของตนผิดกฎหมาย แต่ยังคงฝ่าฝืนด้วยความตั้งใจ นับเป็นความท้าทายสำคัญในการควบคุมสถานการณ์ฝุ่นพิษที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งนี้การเผาในที่โล่งทุกกรณีสร้างผลกระทบทั้งทางอากาศ การจราจร และสุขภาพประชาชน ตำรวจจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ใครฝ่าฝืนกฎหมายจะถูกดำเนินคดีทันที ไม่ละเว้น