รื้อย้ายซากตึกแล้ว 3.5 พันตัน จัด K9 สำรวจทุกเช้า ก่อนเคลื่อนปูน เน้นรอบคอบ ไม่กระทบผู้ประสบภัย
เมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร นางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นางสาวภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหว
นายสุริยชัย ผอ.สปภ. กล่าวว่า การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่องจากเป้าหมายเมื่อวาน คือตรงโซน B จะดำเนินการยกทาวเวอร์เครนที่ล้มออก และทำการค้นหาผู้ติดค้างอีกครั้งหนึ่งโดยการขุดแล้วเอาปูนแยกออกมา ถ้าไม่พบร่างก็จะเอาถมลงไปกับพื้นเพื่อให้เครื่องจักรหนักคือแม็คโครแขนยาวเข้าไปอยู่ตรงจุดนั้น เพื่อช่วยในการปฏิบัติงานในโซน B และ C รวมทั้งตัวยอดกองซากอาคารที่มีตัวชิ้นปูนขนาดใหญ่ที่มีโอกาสสไลด์ลงมาก็ทำการยกออก เพื่อทำให้การปฏิบัติงานคล่องตัวมากขึ้น
สำหรับในโซน C มีการดำเนินการควบคู่กัน โดยตอนนี้ตัวอาคารตรงทางเดินเชื่อมที่ห้อยที่ติดค้างอยู่กับลานจอดรถซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่ได้นำออกเรียบร้อยแล้วเพื่อจะเอาเครื่องจักรหนักเข้าไป ต่อไปจะทำการขุดเข้าไปในพื้นที่ที่คาดว่าจะเป็นโถงบันไดทั้งสองข้างทั้งและโซน B และ C ที่ผู้รอดชีวิตแจ้งว่าวิ่งหนีออกมากับเพื่อน ๆ เป็นจำนวนมากออกทางเชื่อมช่วงที่มีลานจอดรถ โดยบอกว่าหันกลับไปแล้วเห็นเพื่อนที่วิ่งตามมาถูกอาคารถล่มทับ คาดว่าจะมีความคืบหน้าเพิ่มเติมต่อไปในส่วนนี้ ด้านโซน A และโซน D ก็ดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า
“เราใช้ความละเอียดในการตรวจสอบค้นหาผู้ติดค้าง เรามอนิเตอร์โดยคน โดยให้เจ้าหน้าที่พิจารณาร่วมกันในการตัดชิ้นส่วนอาคาร มีทีมโดรนใช้กล้องส่องซูมจากมุมสูงช่วยเป็นข้อมูลให้กับเครื่องจักรหนักเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ประสบภัย เมื่อได้ทำการแยกชิ้นปูนออกจากเหล็กแล้ว ก่อนจะมีการเคลื่อนย้ายปูนทุกเช้าจะมีทีม K-9 เข้าไปค้นหาในซากอาคารอีกครั้งหนึ่งเพื่อความละเอียดรอบคอบอีกครั้ง” นายสุริยชัย กล่าว
สำหรับแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของกู้ภัยด้านใน ขณะนี้มีการปรับให้ทีมเครื่องจักรหนักเป็นหน่วยงานหลัก ทีมอื่น ๆ ทั้งทีมค้นหาและกู้ภัย และทีมเคลื่อนย้ายเป็นทีมสนับสนุน สำหรับความก้าวหน้าในการรื้อถอนซาก จากการประเมินโดยคอมพิวเตอร์ เปรียบเทียบจากภาพถ่ายทีมโดรนตั้งแต่วันแรกกับปัจจุบัน คาดว่ารื้อย้ายออกไปแล้วประมาณ 3,500 ตัน