บุกค้น 7 จุด ตรวจยึดบุหรี่-เหล้าเถื่อนเพียบ รวมมูลค่ารัฐเสียหายกว่า 845 ล้าน
เมื่อวันที่ 13 เมษายน พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.ดูแลงานสืบสวน พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผบช.น. ดูแลงานยาเสพติด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี, พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล ร่วมกับเจ้าพนักงานสรรพสามิต สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม ร่วมจับกุม ชายชาวจีน อายุ 37 ปี ภายในบ้านพักหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านเอกมัย-รามอินทรา แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11 เมษายน เวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แบ่งกำลังออกเป็น 7 ชุด ลงปฏิบัติการตรวจค้นพร้อมกัน โดยเฉพาะที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 และโกดังแห่งหนึ่งใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยสามารถตรวจยึดของกลาง บุหรี่ที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศ จำนวน 668,407 ซอง (14,786,060 มวน) สุรามีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศ จำนวน 23,721 ขวด รวมมูลค่าปรับทางภาษีทั้งสิ้น 845 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานสรรพสามิต ได้ทำการสืบสวนพบว่ามีการลักลอบขายบุหรี่และเหล้าเถื่อน บริเวณบริษัทย่านพระราม 9 และโกดังแห่งหนึ่งใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงได้ขอหมายค้นเข้าตรวจสอบตามสถานที่ดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบบุหรี่ต่างประเทศ จำนวน 668,407 ซอง (14,786,060 มวน) และสุราต่างประเทศ จำนวน 23,721 ขวด รวมทั้งสิ้นจำนวน 2 รายการ มูลค่ากว่า 845 ล้านบาท พร้อมจับกุมชายชาวจีน 1 ราย และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และบางส่วนนำส่งกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง เพื่อตรวจสอบ
ด้าน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ กล่าวว่า การดำเนินการที่มุ่งปราบปรามสินค้าเถื่อน สุราเถื่อน บุหรี่เถื่อนหรือสุราหนีภาษี บุหรี่หนีภาษีให้หมดไปนั้น เป็นการดำเนินการเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริตตลอดทั้งการยาสูบแห่งประเทศไทยผู้ผลิตบุหรี่ซิกาแร็ต และชาวไร่ ผู้เพาะปลูกต้นยาสูบ และเพื่อคุ้มครองประชาชนและสังคมไม่ให้บริโภคสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
โดยในการปฏิบัติงานปราบปรามการกระทำผิดเจ้าหน้าที่ได้มีการยกระดับการดำเนินการอย่างเข้มข้นด้วยการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตมีการนำเทคโนโลยีและเครื่องมือทันสมัยมาใช้ในการตรวจสอบเพื่อความถูกต้องแม่นยำและประสิทธิภาพในการปราบปรามผู้กระทำผิด เมื่อพบความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายพร้อมทั้งเก็บข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดข้อมูลผู้กระทำผิดหรือผู้เกี่ยวข้องไว้เพื่อดำเนินการ ตามกฎหมายต่อไป