ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ต.ท.พิทักษ์ ยิ่งเหนือวงศ์ รองผู้กำกับการงานป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน พร้อมรถดับเพลิงจำนวนกว่า 10 คัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครเกือบ 80 นาย เข้าให้การฉีดน้ำดับเพลิงที่ลุกไหม้อย่างรุนแรง ในอู่ต่อประกอบรถบัสขนาดใหญ่ของจังหวัด ชื่อ อู่ชลอ ขนาดเนื้อที่ 50 ไร่ ตั้งอยู่ติดถนนสายเอเชีย ขาเข้าอยุธยา หลักกิโลเมตรที่ 14 หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านกรด ซึ่งเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง กับรถบัสที่จอดรอซ่อม และกองแซทซีรถบัส ที่ติดตั้งถังแก๊สเอ็นจีวีเปล่าทุกคัน โดยรวมแล้วมีรถและแซทซีมากกว่า 100 ตัน
โดยเพลิงโหมไหม้อย่างรุนแรง ช่วงทางทิศใต้ของอู่ ซึ่งพบว่าระหว่างการฉีดน้ำ มีเสียงระเบิดดังเป็นระยะ แต่คนงานอ้างว่า เป็นเสียงระเบิดของยางรถบัส ไม่ได้ระเบิดจากถังเอ็นจีวี โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงสามารถดับเพลิงลงได้ พบว่ารถบัส และโครงรถบัส รวมถึงแซทซี ถูกเพลิงเผาไปเกือบ 20 คัน ในเบื้องต้นค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุเพลิงไหม้นั้น นายสาธิต สถาพรนิรันติศาสตร์ อายุ 58 ปี ช่างผู้ควบคุม เปิดเผยว่า มาจากคนงานกำลังตัดเชื่อมชิ้นส่วนรถบัสและลูกไฟกระเด็นไปโดนหญ้าแห้ง จึงเกิดลุกลามอย่างรวดเร็วไหม้รถบัสที่จอดอยู่บนลานดินที่ด้านล่างเป็นหญ้าแห้ง
อย่างไรก็ตาม อู่รถบัสขนาดใหญ่นี้ เป็นของ นายฉลอง ธัญญวรรณ์ หรือ เสี่ยแก่ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจรถบัสรับส่งคนงานขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัด รวมถึงธุรกิจต่อ ประกอบ ดัดแปลงรถบัสขนาดใหญ่ของประเทศ ใช้ชื่อธุรกิจว่า “ชลอการท่องเที่ยว” และ “เฉลิมชัยการท่องเที่ยว” มีอู่รถขนาดใหญ่ 2 แห่ง แห่งแรกติดถนนโรจนะ หน้านิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และแห่งที่ 2 เป็นอู่ประกอบรถ คือสถานที่เกิดเพลิงไหม้ ติดถนนสายเอเซีย