ตร.จับ แม่แท้ๆ ส่ง ‘ลูกสาว’ วัย 12 ให้แม่เล้าพาขายบริการ อ้างไม่มีเงิน

จับแม่แท้ ๆ บังคับลูกสาววัย 12 ขายบริการเพราะไม่มีเงิน ตำรวจดำเนินคดีฐานค้ามนุษย์ – ธุระจัดหาเด็ก อายุต่ำกว่า 15 ปี

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม  พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหัวหิน เปิดเผยถึงคดีสะเทือนใจ กรณีเด็กหญิงวัย 12 ปี ถูกแม่แท้ๆ บังคับค้าประเวณี เพื่อแลกเงินมาใช้จ่ายส่วนตัว หากขัดขืนจะถูกทำร้ายร่างกาย เด็กพยายามขอไปอยู่กับพ่อที่จังหวัดภูเก็ต แต่แม่ไม่อนุญาต กระทั่งเด็กขู่ว่าจะเปิดเผยความจริง ทำให้แม่ยอมให้ลูกไปอยู่กับพ่อ

ต่อมาผู้เป็นพ่อรู้ความจริง กรณีเรื่องสะเทือนใจที่เกิดกับบุตรสาว จึงพาบุตรสาวเข้าร้องเรียนกับ “มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี” และได้ประสานตำรวจ สภ.หัวหิน เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดี

จากการสืบสวนพบว่า แม่ของเด็กวัย 32 ปี มีอาชีพรับจ้าง เมื่อประสบปัญหาทางการเงิน ได้รู้จักกับหญิงวัย 39 ปี ซึ่งเด็กเรียกว่า “ป้า” ต่อมาป้าจึงชักชวนและจัดหา “ลูกค้า” โดยแม่เป็นผู้พาลูกสาวไปส่งถึงที่เกิดเหตุ รวม 3 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการดูตัว และได้รับเงิน ครั้งที่สองพูดคุยตกลงกัน แต่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ จนกระทั่งครั้งที่สามมีการล่วงละเมิดเกิดขึ้นจริง เด็กหญิงวัย 12 ปี เก็บเงียบเรื่องนี้มานานถึง 2 ปี จนอายุ 14 ปี

ตั้งแต่ทราบเรื่อง จนตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ จึงสามารถขอศาลออกหมายจับแม่ และเข้าจับกุมได้ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ร่วมขบวนการหรือ ป้า ซึ่งเป็นหญิงที่ช่วยจัดหาลูกค้า ได้หลบหนีไปและยังอยู่ระหว่างการติดตามตัว

หลังสอบปากคำ แม่ของเด็กให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้พาลูกสาวไปขายบริการจริง โดยอ้างว่าไม่มีเงินใช้จ่าย และเกิดเหตุเพียงครั้งเดียว

ADVERTISMENT

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากับผู้เป็นแม่ใน 2 ฐานความผิดหลัก ได้แก่ ความผิดฐานเป็นธุระจัดหาเด็กเพื่อการค้าประเวณี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 และ 283 (1) แม้เด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม หากอายุไม่เกิน 15 ปี และเป็น “ผู้สืบสันดาน” (ลูกโดยชอบด้วยกฎหมาย) ผู้กระทำจะได้รับโทษหนักเป็นพิเศษ

และความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6 และ 52 การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเพื่อการค้าประเวณี ถือเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ แม้เด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุ เด็กหญิงมีอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับความคุ้มครองขั้นสูงสุดตามกฎหมาย

ขณะนี้ เด็กหญิงคนโต ได้อยู่ในความดูแลของผู้เป็นพ่อแล้ว ส่วนลูกสาวคนเล็ก อายุประมาณ 4-5 ขวบ ทางมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้เข้าดูแลในเบื้องต้น โดยพ่อมีความประสงค์จะรับดูแลลูกทั้งสองคนกลับไปดูแลที่จังหวัดภูเก็ต