6 กรรมการ บ.แชร์ โร่พบ ตร.ปัดร่วม “ซินแสโชกุน” ฉ้อโกง รับเคยร่วมทริปฮ่องกง ญี่ปุ่น สะสมยอดแค่ 8.8 พัน(คลิป)

ความคืบหน้ากรณีตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เข้าจับกุม น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ น.ส.ศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ หรือ “ซินแสโชกุน” กรรมการบริหาร บริษัทเวลท์เอเวอร์ จำกัด ผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชน หลังจากร่วมกับพวกอีก 9 คน เป็นญาติของซินแสโชกุน และถูกควบคุมตัวไว้แล้ว หลอกลวงผู้เสียหายกว่า 1,000 คน อ้างว่าได้จัดทริปเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ด้วยการเช่าเหมาลำเครื่องบิน นัดหมายกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ภายหลังกลับลอยแพโดยไม่มีการเดินทางแต่อย่างใด สร้างความโกลาหลวุ่นวายไปทั้งอาคารผู้โดยสาร ผู้เสียหายทั้งหมดต่างเป็นสมาชิกของบริษัทดังกล่าว มีแผนการตลาดโฆษณารับสมัครสมาชิกด้วยเงินลงทุนหัวละ 9,730 บาท แล้วชักจูงใจด้วยการจัดโปรโมชั่นท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นฟรี ระหว่างวันที่ 11-16 เมษายนนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวซินแสโชกุนได้ที่ จ.ระนอง นำตัวมาสอบสวนที่ บก.ป.ก่อนจะขออำนาจศาลอาญา ผัดฟ้องฝากขังพร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยศาลอนุญาตให้ฝากขังได้ ขณะที่ซินแสโชกุนถูกส่งตัวไปควบคุมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 เมษายน ที่ห้องประชุมชิวปรีชา กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ ม่วงมณี อายุ 59 ปี น.ส.ธัญวลัย น้ำแก้ว อายุ 49 ปี นายพลกฤต ตะกระจ่าง อายุ 49 ปี น.ส.ภัสจนันท์ ฟองเฟื่องฟ้า อายุ 62 ปี นายศาทิตย์ งามประภาพร อายุ 56 ปี และ น.ส.สิริธนัตถ์ รติวสุธัญกุล อายุ 63 ปี รวม 6 คน กรรมการบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 88/6 หมู่ 9 ต.หนองยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังพบว่าทั้ง 6 คนมีชื่อเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวด้วย โดยทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4 พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. และ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมสอบปากคำทั้งหมด

ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ และคณะ ร่วมแถลงข่าว โดย น.ส.ธัญวลัย หนึ่งในกรรมการบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด กล่าวว่า ได้นำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น เนื่องจากตนได้รับการชักชวนจากซินแสโชกุนให้สมัครสมาชิกกับบริษัทแห่งนี้เพื่อซื้ออาหารเสริม ตนนับเป็นสมาชิกรุ่นแรก เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ต่อมาจึงถูกชวนให้ร่วมเป็นกรรมการบริษัทเพื่อบริหารงานเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยเป็นการเชิญด้วยปากเปล่า ไม่มีเอกสารแต่งตั้งเป็นทางการ ตนไม่ได้นำเงินมาลงทุน และยังไม่เคยได้รับผลตอบแทนในส่วนการเป็นกรรมการแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าครั้งแรกที่ซินแสโชกุนมาชวนนั้น ระบุว่าจะมีผลตอบแทนปันผลให้ในอนาคต หากบริษัทมีกำไร ทั้งนี้ที่ผ่านมาไม่เคยมีการประชุมผู้บริหารบริษัท และไม่เคยมีการเรียกพนักงานหรือแม่ข่ายคนใดเข้าอบรมแนะนำสินค้าเหมือนธุรกิจขายตรงอื่นๆ แต่อย่างใด

Advertisement

น.ส.ธัญวลัยกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ร่วมเดินทางไปท่องเที่ยวที่ฮ่องกง ก่อนที่วันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ จะได้ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะสั่งซื้อสินค้าและสะสมคะแนนครบตามยอดที่ทางบริษัทกำหนดไว้ คือ 8,830 บาท การเที่ยวตลอดทริปไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกเลย ถือเป็นราคาที่ถูกมาก โดยซินแสโชกุนอ้างว่าการไปเที่ยวดังกล่าวนั้นเป็นโปรโมชั่น และเงินส่วนต่างที่เหลือนั้นได้มาจากงบประมาณด้านการโฆษณามาใช้ดูแลตลอดทริป อย่างไรก็ตามเมื่อเดินทางไปท่องเที่ยวแล้วทุกคนจะต้องถ่ายภาพคู่กับสินค้าเพื่อใช้ในการโปรโมตบริษัทต่อไป โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด

“ขอยืนยันว่าซินแสโชกุนไม่ได้บังคับให้ต้องหาสมาชิกหรือเครือข่ายต่ออีก และไม่ได้มีการจัดอบรมโฆษณาถึงเรื่องสรรพคุณของสินค้าบริษัท มีเพียงการชักชวนกันแบบปากต่อปาก หากมีสมาชิกเพิ่มเข้ามาจะได้รับค่าคอมมิสชั่นเช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ และตนถือว่าเป็นผู้เสียหายด้วยเช่นกัน เพราะถูกลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมิ” น.ส.ธัญวลัยกล่าว

ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับกรรมการบริษัททั้ง 6 ราย โดยเป็นเพียงการสอบปากคำในฐานะพยาน เนื่องจากขณะนี้ยังต้องมีการสอบสวนเพื่อแสวงหาข้อมูลและข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดีและเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับซินแสโชกุน จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าทั้งหมดมีการสมัครสมาชิกกับบริษัทเพื่อซื้อสินค้าอาหารเสริม แต่มีเพียง 1 คน ที่ได้รับสินค้าครบจำนวน ดังนั้นจึงเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงอยู่แล้ว ส่วนการพิจารณาดำเนินคดีกับซินแสโชกุนในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมทั้งข้อหาอื่นๆ นั้น ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รวมถึงการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มเติมด้วย

Advertisement

รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เสียหายในคดีนี้มีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ บก.ป.รวมแล้วกว่า 200 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท เชื่อว่าทั่วประเทศน่าจะมีผู้เสียหายรวมกว่า 1,000 คน อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล อย่างไรก็ดีทางผู้เสียหายสามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ เพราะสำนวนจะนำมารวมกันอีกครั้งที่ บก.ป.และหากสถานีตำรวจใดไม่รับแจ้งความจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้แจ้งมาที่ตนได้ทันที

ด้าน พล.ต.ต.สุทินกล่าวว่า จากพฤติการณ์เบื้องต้นของซินแสโชกุนนั้น ยังไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่วนการดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้แน่นหนา และยังคงมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเนื่อง

พ.อ.บุรินทร์กล่าวว่า วันที่ 17 เมษายนนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะไปขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับบุคคลอีก 8 คน ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยวันที่ 18 เมษายน ทหารจะนำตัวทั้ง 8 คนส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อหา ก่อนนำฝากขังศาลอาญาต่อไป จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นพบว่ามีประมาณ 50 ล้านบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image