ความคืบหน้าการดำเนินคดี “ซินแสโชกุน” หรือ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ กรรมการบริหาร บริษัท เวลล์ เอฟเวอร์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และอั้งยี่ซ่องโจรฯ ภายหลังจัดทัวร์ญี่ปุ่นแบบขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำแล้วลอยแพผู้เสียหายนับพันคน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ขณะนี้ถูกคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ต่อมาเจ้าหน้าที่คุมตัว 8 ผู้ต้องหาเครือข่ายซินแสโชกุน ส่งให้ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชน อั้งยี่ ซ่องโจรฯ ประกอบด้วย น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ อายุ 35 ปี หญิงคนสนิทของซินแสโชกุน นางมณฑญาณ์ นิรันดร หรือจันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ อายุ 55 ปี มารดาซินแสโชกุน นายก้องศรัณย์ แสงประภา อายุ 22 ปี ลูกพี่ลูกน้องของซินแสโชกุน นางประนอม พลานุสนธิ์ อายุ 40 ปี เลขานุการของซินแสโชกุน นางณิชมน แสงประภา อายุ 64 ปี ป้าของซินแสโชกุนและมารดาของนายก้องศรัณย์ นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ อายุ 35 ปี น.ส.สุดารัตน์ อเนกนวล อายุ 25 ปี และนายโกวิท ช่วยสัตว์ อายุ 30 ปี โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายต่างทยอยนำหลักฐานเข้าแจ้งความอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบก.ป. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. และเจ้าหน้าที่คอมมานโด บก.ป. นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ไปขออำนาจศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน
พล.ต.ต.สุทิน กล่าวว่า วันนี้ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ที่ร่วมขบวนการซินแสโชกุนไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรก โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก และมีผู้เสียหายจำนวนมาก เกรงว่าหากได้รับการประกันตัว กลุ่มผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน นอกจากนื้ ทางคณะพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาเพิ่มกับซินแสโชกุนและพวกอีก 8 ราย ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่วมกันกู้ยืมเงิน
ผบก.ป. กล่าวว่า ในส่วนของความคืบหน้าคดี จากการสืบสวนยังไม่พบความเชื่อมโยงกับนักธุรกิจชาวฮ่องกงที่ซินแสโชกุนอ้างถึง ไม่ทราบว่านักธุรกิจชาวฮ่องกงรายนี้มีตัวตนหรือไม่ หรือเป็นเพียงการกล่าวอ้างของผู้ต้องหาเท่านั้น ทำให้ตอนนี้ซินแสโชกุนเป็นหัวหน้าขบวนการใหญ่ที่สุด โดยวันที่ 21 เมษายนเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าคณะสืบสวนสอบสวน จะเรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี รวมทั้งทาง ปปง.จะนำรายละเอียดเส้นทางการเงินของขบวนการนี้มาสรุปว่ามีใครเชื่อมโยงอีกบ้าง เชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออยู่ ในส่วนของแม่ข่ายอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเป็นรายบุคคลว่ามีใครบ้างที่เข้าข่ายในการกระทำความผิด ทางคณะทำงานมีเกณฑ์ในการพิจารณาอยู่แล้ว ท้ายที่สุดอยากจะฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่า ปัจจุบันมีรูปแบบกลโกง การฉ้อโกงเป็นจำนวนมาก จึงขอเตือนว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ไม่มีของดีในราคาถูก ขอให้มีสติอย่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการต่างๆ เหล่านี้
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน บก.ป. ควบคุมตัว ผู้ต้องหาเครือข่ายซินแสโชกุน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน – 1 พฤษภาคม เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น
โดยคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีความเสียหายมูลค่าสูงและมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดี อีกทั้งผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 2 ข้อหาด้วยฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และพ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527
เวลา 16.00 น. ภายหลังศาลอนุญาตให้ฝากขังกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายซินแสโชกุน ที่ร่วมกันกระทำผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชนแล้วนั้น ต่อมาญาติของน.ส.สุดารัตน์ เอนกนวล ผู้ต้องหาที่ 7 และนายโกวิท ช่วยสัตว์ ผู้ต้องหาที่ 8 ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นสลากออมสินคนละ 3 แสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาทั้ง2คนกับพวกซึ่งถูกกล่าวหากระทำผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชน และข้อหาอื่นเป็นเหตุให้ประชาชนหลายพันคนได้รับความเสียหาย และมีมูลค่าความเสียหายสูง ทั้งก่อนถูกจับกุมผู้ต้องหาได้ร่วมกันหลบหนี และถ่ายเททรัพย์สินเพื่อมิให้ถูกจับกุมดำเนินคดี ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน เพราะเกรงจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยขั่วคราว ยกคำร้อง ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัวผู้ต้องหาที่ 1,3-7 ไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ส่วนผู้ต้องหาที่ 2และ8 นำไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตัวซินแสโชกุนนั้น ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลาง พนักงานสอบสวน บก.ป.ฝากขังครั้งแรกไปตั้งแต่วันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา จะครบกำหนด 12 วันในวันที่ 25 เมษายนนี้
