คุก 15 ปี 9 เดือน’ด.ต.’ซุกยาไอซ์-กัญชา ปรับ 1.2 ล้าน พบเงินค้ายาโอนเข้าบัญชีจำเลยหลักฐานมัด

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดียาเสพติด 9 เป็นโจทก์ฟ้อง ด.ต.ธีรชัชอัศม์ หรือบุญยัง เมืองกระจ่าง อายุ 53 ปี อดีต ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.บางขุนเทียน เป็นจำเลย ฐานมียาไอซ์และกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการ ฟอกเงิน

คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า ในช่วงปี 2558 พ.ต.ท.สุเมธ พิทักษ์เกียรติยศ สังกัด กก.3บก.ปส.1 บช.ปส. ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่า มีตำรวจนครบาลหลายคน ทำตัวเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด มีพฤติกรรมเรียกร้องผลประโยชน์ ช่วยเหลือผู้ถูกจับกุม เเละต่อมามีการสืบทราบว่าที่ สน.บางขุนเทียน มีตำรวจกระทำความผิดลักษณะเป็นเครือข่ายกับนักค้ายา โดยมี ด.ต.บุญยัง ตำรวจสายสืบ มักใช้ผู้ต้องหาที่พ้นโทษ ให้เดินยาและเก็บเงินจากลูกค้าแทนตนในย่านบางขุนเทียน บางบอน และรับช่วยเหลือผู้กระทำผิด โดยร่วมกับนายพิเชษฐ์ (สงวนนามสกุล) หรือเชษฐ์ ท่าแพ และนายสายัณห์ (สงวนนามสกุล) หรือยัน วัดน้อย ที่ถูกแยกดำเนินคดี และกลุ่มวัยรุ่นเเก๊งโอรส

ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม 2559 พนักงานสอบสวนขอหมายจับศาลอาญาที่ 65/2559 และเข้าจับกุม ด.ต.บุญยัง ได้ที่ร้านอาหาร มากันจัง ซอยเอกชัย 35 ย่านบางบอน 5 กทม.พร้อมอาวุธปืน ขนาด.38 และโพยสลากกินรวบหรือหวยใต้ดิน (แยกดำเนินคดีไปแล้ว) โดยเมื่อนำมาสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ จึงคุมตัวไปค้นที่ห้องฝ่ายสืบสวนสน.บางขุนเทียน โดยมี พ.ต.ท.ไพรัตน์ เพ็งหนู สว.สส.สน.บางขุนเทียน ประสานงานนำเข้าค้น พบยาไอซ์ 0.754 กรัม กัญชา 0.268 กรัม และเครื่องชั่งตรวจวัดขนาดพกพา จึงแจ้งข้อหามียาเสพติดเพื่อจำหน่าย

โจทก์นำสืบว่า จำเลยมีพฤติการณ์ติดต่อกับนายสายัณห์ เป็นลูกน้องอดีตผู้ต้องหาให้เดินยา ที่รับมาจากนายพิเชษฐ์ กล่าวคือจำเลยมีพฤติกรรมไปเรียกเอาเงินจากนายพิเชษฐ์ ต่อมานายพิเชษฐ์ เงินหมดจึงจ่ายหนี้ด้วยยาเสพติดแทน เมื่อจำเลยรับยามาก็ให้นายสายัณห์ เอาไปขาย โดยนายสายัณห์ได้ส่งยาเสพติดให้ น.ส.ตุ๊กตา ไม่ทราบนามสกุล ไปขาย และเมื่อขายได้แล้วก็โอนเงินเข้าบัญชีจำเลยโดยตรง ทางพนักงานสอบสวนมีบันทึกการใช้โทรศัพท์ติดต่อกันระหว่างบุคคลทั้งหมดตลอด 2 ปีไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาตำรวจจับนายพิเชษฐ์ และนายสายัณห์ พร้อมยาเสพติดแยกดำเนินคดี

Advertisement

โดยคดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีว่า ตนเป็นตำรวจที่ดี เคยได้รับประกาศเกียรติคุณจาก บก.น.9 ที่จับกุมคนร้ายปล้นทรัพย์ ไม่เคยคบคิดค้ายาเสพติดโดยโต๊ะที่พบยาเสพติดมีตำรวจสายสืบ 16 คน และสายลับใช้ร่วมกัน

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์แน่นหนา ไม่มีเหตุปรักปรำกลั่นแกล้งจำเลย ซ้ำยังได้ความจาก พ.ต.ท.อชิระวิชช์ จันทองพูลศิริ พนักงานสอบสวน ว่าสามารถตรวจพบเส้นทางการเงินของจำเลยกับกลุ่มนักค้ายา และมีการติดต่อกับ น.ส.ตุ๊กตา ที่รับยาไปขายแล้วโอนเงินเข้าบัญชีจำเลย และนอกจากนี้ นายสายัณห์ กับนายพิเชษฐ์ ยังให้การซัดทอดจำเลย เป็นคำให้การของผู้กระทำผิดด้วยกันแต่เป็นคนละสำนวน อีกทั้งไม่ได้ซัดทอดเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด เมื่อเอาพยานซัดทอดมาฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ จึงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำคุก 15 ปี ปรับ 1.2 ล้านบาท ฐานมียาไอซ์เพื่อจำหน่ายและจำคุก 9 เดือน ฐานมีกัญชาเพื่อจำหน่าย รวมจำคุกทั้งสิ้น15 ปี 9 เดือน ถ้าไม่ใช้ค่าปรับให้ออกหมายขังแทนค่าปรับ แต่ให้กักขังแทนค่าปรับได้ไม่เกิน 2 ปี ของกลางโทรศัพท์มือถือและอื่นๆ ให้ริบ ภายหลังอ่านคำพิพากษาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวจำเลยไปคุมขังยังเรือนจำต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ ด.ต.ธีรชัชอัศม์ ถูกคุมขังมาโดยตลอด โดยมีการยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว มาแล้ว 5 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาทนายความได้ยื่นขยายอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image