ศาลอุทธรณ์เบรก ถอนฟ้อง”ศุภชัย”อดีตปธ.สหกรณ์ฯคลองจั่น ชี้นายทะเบียนฯมีอำนาจผู้เดียว

ภาพจากแฟ้ม

เมื่อเวลา 10.20น. วันที่28มิถุนายน ที่ห้องพิจารณา 910 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ ที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและการร้องทุกข์นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 60 ปี อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มูลค่า 22 ล้านบาท ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายศุภชัย จำเลย ในคดีหมายเลขดำ อ.1739/2558 ฐานยักยอกทรัพย์ผู้อื่น และจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดยทุจริตในฐานะเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 และ 354

วันนี้ศาลเบิกตัว นาศุภชัย จำเลย จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯมาฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ โดบนายศุภชัย สวมชุดนักโทษสีน้ำตาลและเครื่องพันธนาการ โดยมีผิวเข้มคล้ำลง และศีรษะผมน้อยตัดผมเกรียน ทั้งนี้นายศุภชัย แจ้งเจ้าหน้าที่ไม่ประสงค์และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ขณะที่วันนี้มีผู้ใกล้ชิดนายศุภชัย และผู้เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯจำนวนหนึ่งติดตามมาฟังคำสั่งด้วย

ขณะที่ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ ระบุว่า คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาจำคุกจำเลย รวม 14 ปี 24 เดือน โดยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม2559 จำเลย ยื่นอุทธรณ์คดี แล้วระหว่างนั้นวันที่ 8 ธันวาคม 2559 มีการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและการร้องทุกข์คดีระบุมีการชดใช้เงิน35ล้านบาทเศษ โดยวันที่7 ธันวาคม 2559 มีการทำบันทึกยอมความของผู้แทนสหกรณ์ฯ วันที่ 16 ธันวาคม2559 นายทะเบียนสหกรณ์ฯทำการคัดค้าน

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว ที่ระบุว่าจำเลยได้ชดใช้เงินคืนผู้เสียหายด้วยแคชเชียร์เช็ค 11 ฉบับมูลค่ากว่า 34 ล้านบาท โดยมีผู้บริหารแผนฟื้นฟูสหกรณ์และรักษาการผู้จัดการดำเนินการ ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์2560 จำเลยและสหกรณ์ฯ ยื่นหนังสือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุสหกรณ์ฯผู้เสียหาย ยินยอมถอนคำร้องทุกข์ดำเนินคดีนี้นั้น เห็นว่า ตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ.2542 การจัดตั้งสหกรณ์เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมโดยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และให้มีการกำกับดูแลความเสื่อมเสีย และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโดยถ้าเกิดความเสียหาย สามารถสั่งระงับยับยั้งได้ ตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ฯ ให้นายทะเบียนสหกรณ์ฯ สั่งระงับการดำเนินงานทั้งหมดหรือบางส่วนของสหกรณ์ฯ หรือให้งดเว้นการกระทำที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์ฯหรือสมาชิก ดังนั้นการดำเนินการใดต้องเป็นไปโดยนายทะเบียนสหกรณ์ฯซึ่งบุคคลอื่นไม่สามารถทำการที่จะเป็นการระงับสิทธิของสหกรณ์ฯแทนได้ ประกอบกับเมื่อพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีมีความเสียหายมูลค่ามาก ดังนั้นจึงให้ยกคำร้องการขอถอนฟ้องจำเลย

Advertisement

ภายหลังฟังคำสั่งแล้ว นายวันชัย บุนนาค ทนายความของนายศุภชัย เปิดเผยว่า กรณีนี้จำเลยเห็นว่าเป็นคดีความผิดที่ยอมความกันได้ ดังนั้นระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์จำเลยได้รวบรวมเงินเยียวยาค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 34 ล้านบาทเศษไปเจรจาเพื่อทำการตกลงบันทึกยอมความถอนคำร้องทุกข์กับผู้เสียหายที่ผ่านการพิจารณาที่ได้รับอนุญาตตามมติจากที่ประชุมผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว จึงมีการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีต่อศาลอุทธรณ์ แต่ระหว่างที่ดำเนินการ นายทะเบียนสหกรณ์ได้ยื่นคัดค้านการยอมความในส่วนของคดีนี้ ศาลอุทธรณ์มีความเห็นว่านายทะเบียนมีอำนาจยับยั้งการถอนคำร้องทุกข์ และเพราะคดีมูลค่าความเสียหายเยอะ

นายวันชัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดีเมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำร้องแล้ว เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะดำเนินการตามข้อกฎหมายต่อไปในการยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาตามขั้นตอนซึ่งจะดำเนินการโดยเร็วภายใน15วัน ทั้งนี้ในส่วนของเนื้อหาคดีหลักยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หากศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเนื้อหาในคดีออกมาก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่เรายังจะใช้สิทธิฎีกาคดีได้ ในส่วนของนายศุภชัยนั้น ปัจจุบันถูกคุมขังในเรือนจำมานานตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2558 โดยถูกอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลมาแล้วรวม 3 สำนวน และยังมีในชั้นการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อีกกว่า 10 สำนวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนี้ นายศุภชัย ต้องรอฟังผลอุทธรณ์คดีต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก 8 กระทงเป็นเวลา 14 ปี 24 เดือน โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ คดีนี้เป็นสำนวนแรกที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษนายศุภชัย ในความผิดต่อทรัพย์สินสหกรณ์ฯ โดยในชั้นพิจารณาคดีนี้ นายศุภชัย ให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำพิพากษาดังกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image