เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 6 มีนาคม พ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผบ.ม.1 รอ. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พร้อมกำลังทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 20 นาย บุกค้นบ้านเลขที่ 259 ซอยอุดมสูข 26 แยก 27 แขวงและเขตบางนา กทม. ภายหลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งซ่องสุ่มของผู้มีอิทธิพลจัดตั้งเรียกรับวินรถจักรยานยนต์เถื่อน
พ.อ.นพสิทธิ์ กล่าวว่าสายข่าวรายงานว่ามีกลุ่มผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่เขตบางนา ซึ่งจัดตั้งวินรถจักรยานยนต์เถื่อนโดยมีการเรียกรับเงินค่าสมาชิกรายเดือนและมีการยืนยันจากสายว่าจะมีการนัดประชุมวินในช่วงบ่ายของวันนี้ จึงได้นำกำลังนอกเครื่องแบบเฝ้าสังเกตุการณ์และนำกำลังเข้าค้นบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านขนาดใหญ่สูง 4 ชั้นพบวินจักรยานยนต์หลาย 10 คนกำลังยืนรอประชุมวินบริเวณใต้ถุนบ้านหลังดังกล่าวจึงนำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุมวินจักรยานยนต์ ที่สวมเสื้อวินเถื่อนและถูกกฎหมายทั้งหมดไปตรวจสอบข้อมูลประจำตัวที่สำนักงานเขตบางนา โดยมีนายประมุข วิเชียรธรกุล อายุ 40 ปี แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว และจากการค้นภายในบ้านพบอุปกรณ์แท่นสกรีนเสื้อและเสื้อวินจักรยานยนต์สีส้มสกรีนเบอร์แล้ว 22 ตัว เสื้อวินจักรยานยนต์สีส้มสภาพใช้แล้ว 10 ตัวบล็อกเสื้อตัวเล็กใหญ่ 9 อัน บล็อกตัวหนังสือสำนักงานเขตบางนา 4 อัน บล็อกตรากรมขนส่ง 1 อันและชิ้นส่วนตัดเย็บเสื้อวินจักรยานยนต์ปลอมอีกจำนวนหนึ่ง
พ.อ.บุรินทร์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาคนดังกล่าว เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ต่อต้านการจัดระเบียบของคสช. ก่อนหน้านี้ได้มีการเรียกเข้าไปปรับความเข้าใจว่าการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายผิดกฎหมายและได้มีคำสั่งให้หยุดการกระทำ แต่ภายหลังมาอีก 1-2 วันก็ยังพบการกระทำแบบเดิมอีก จึงนำกำลังเข้าจับกุมวินดังกล่าวที่มีสมาชิกกว่า 130 คนและเป็นวินเถื่อนเกินกว่าครึ่ง อีกทั้งยังมีวินอื่นๆที่ผู้ต้องหาดังกล่าวได้เข้าไปจัดการดูแลและเรียกเก็บเงินกว่าอีก 5-6 วิน ซึ่งจะตามไปดำเนินการภายหลัง นอกจากนี้ยังมีการร้องจากวินจยย.บางรายภายในวินว่าผู้ต้องหายังมีพฤติการณ์การขู่เรียกเก็บเงินจากวินที่ไม่ยอมด้วย
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายประมุก ให้การรับสารภาพว่า เสื้อวินจักรยานยนต์พร้อมของอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของตนเอง โดยตนมีอาชีพรับสกรีนเสื้อส่งตามร้านทั่วไป ในส่วนของเสื้อวินจักรยานยนต์นั่นตนทำออกมาประมาณ 100 ตัว ซึ่งจะมีสมาชิกมาอยู่ในวินประมาณ 130 กว่าคันและจะมีการประชุมและเรียกเก็บค่าเสื้อเป็นรายเดือนละประมาณ 3000-4000 บาทต่อคนต่อคัน ซึ่งมีทั้งวินที่ถูกกฎหมายที่มาสั่งทำเสื้อตัวใหม่จากตัวเดิมที่ชำรุดก่อนเข้ามาอยู่ในวิน และวินที่ผิดกฎหมายป้ายทะเบียนดำไม่มีป้ายชื่อประจำตัวผู้ขับขี่วินจักรยานยนต์
เบื้องเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ก่อนจะทำการสอบสวนวินจักรยานยนต์ที่จับกุมตัวได้ เพื่อแจ้งข้อหากรรโชกทรัพย์และส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวน สน.บางนาเพื่อดำเนินคดีต่อไป
