เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่เรือนจำกลางคลองเปรม แขวงลาดยาว เขตจตุจักร นายนรินทร์ สมนึก ทนายความส่วนตัวของนายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ต้องขังคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 42 ปี เดินทางมาติดต่อเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เพื่อทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายบุญทรงอีกครั้ง โดยใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง
นายนรินทร์กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาเข้าเยี่ยมนายบุญทรงตามปกติ หลังทราบว่าช่วงบ่ายเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ภายหลังจากตนและครอบครัวของนายบุญทรงเข้าเยี่ยมนายบุญทรงเสร็จแล้วนั้น นายบุญทรงพร้อมนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ รวม 3 คน ถูกส่งตัวไปพบแพทย์ภายในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการป่วย ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุใด แต่ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากอาการเครียดสะสมภายหลังจากถูกคุมขัง แต่เบื้องต้นขณะนี้ทราบว่าทั้ง 3 คนปลอดภัยแล้ว โดยทั้งหมดออกจากโรงพยาบาลกลับเรือนจำในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. หลังจากทราบเรื่องทางครอบครัวของนายบุญทรงค่อนข้างเป็นห่วงและเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ แต่เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางครอบครัวของนายบุญทรงฝากยารักษาโรคประจำตัวต่างๆ ของนายบุญทรงเข้าไปให้แล้วบางส่วน
นายนรินทร์กล่าวต่อว่า ขณะที่ในส่วนของการดำเนินการทำเรื่องขอประกันตัวนายบุญทรงอีกครั้งนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการแล้วเสร็จไปกว่า 50% คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะยื่นเรื่องประกันตัวได้อีกครั้ง ยอมรับว่าค่อนข้างหนักใจกับผลการพิจารณาอยู่เหมือนกันหลังจากที่การยื่นคำร้องขอประกันตัวในครั้งแรกไม่ผ่าน แต่จะพยายามหาประเด็นเหตุผลที่ดีที่สุดในการเรียบเรียงถ้อยคำร้องอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการนำอาการป่วยเข้ามาเป็นเหตุผลในการร้องขอประกันตัวในรอบนี้แน่นอน เหตุผลคำร้องขอประกันตัวในรอบนี้ค่อนข้างแตกต่างกับคำร้องในรอบแรกพอสมควร แต่นายบุญทรงยังคงไว้ใจและให้ตนเป็นผู้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวเช่นเดิม
นายนรินทร์กล่าวอีกว่า ขณะที่ในส่วนของกรณีที่นางปอยใจระพี เตริยาภิรมย์ ภรรยานายบุญทรงยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี กรมการค้าต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ กรณีอายัดทรัพย์โดยมิชอบนั้น เบื้องต้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางทีมทนายความเดินทางไปที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นถอนฟ้องคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อความสบายใจของนายบุญทรง
