จากกรณีคนร้ายวางระเบิดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพเพื่อเอาเงินในตู้ หน้าประตูทางเข้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตประเวศ กรุงเทพฯ เมื่อเช้ามืดวันที่ 13 กันยายนนั้น
เมื่อวันที่ 14 กันยายน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าว่า ตำรวจได้ดำเนินการติดตามคนร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการหลบหนีนั้น ตอนนี้พอจะทราบและได้รับรายงานมาบ้างแล้ว แต่จะต้องขอเวลาให้ตำรวจตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นเส้นทางไหน ส่วนกล้องวงจรปิดของตู้เอทีเอ็มนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถดูได้ เนื่องจากแรงระเบิดทำข้อมูลเสียหาย ขอเวลาประสานผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้เข้ามาตรวจสอบก่อนเพื่อให้การติดตามตัวคนร้ายง่ายขึ้น โดยในช่วงบ่ายวันนี้ จะเดินทางเข้ามาติดตามความคืบหน้าในคดีต่อไป
พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐ. เปิดเผยว่า จากการเก็บชิ้นส่วนหลักฐานในจุดเกิดเหตุเบื้องต้นได้นำคราบเขมาดินปืน ที่พบอยู่เล็กน้อยเข้าห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบหาสารประกอบระเบิดคาดว่าในช่วงเย็นวันนี้จะทราบผลว่า สารประกอบระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นชนิดใด
ด้านพล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบช.น.4 เปิดเผยว่า ได้รับการรายงานจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานว่า เบื้องต้นพบปืนยิงแก๊ส ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่คนร้ายใช้ในการจุดชนวน เนื่องจากการสอบปากคำร้านค้าที่อยู่รอบจุดเกิดเหตุไม่มีใครยืนยันว่าเป็นเจ้าของ และไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม
รายงานแจ้งว่าตำรวจได้สืบสวนเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการหลบหนี โดยทราบว่าคนร้ายใช้เส้นทางถนนกรุงเทพกรีฑา แล้วผ่านซอยกรุงเทพกรีฑา 23 ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เบื้องต้นเห็นรถต้องสงสัยสีทึบ ซึ่งเชื่อว่าเป็นคันเดียวกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุผ่านเส้นทางนี้ โดยตำรวจยังคงสืบสวนแกะรอยคนร้ายต่อไป เพราะยังไม่พบจุดสิ้นสุดในเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี และยังไม่พบว่ามีรถคันอื่นหรือมีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
นข่าวแจ้งว่าขณะนี้ได้มอบหมายให้ตำรวจเร่งคำนวณระยะเวลาในการระเบิด โดยการให้ไปจำลองเหตุการณ์การก่อเหตุขอคนร้าย ทั้งการขับรถจักรยานยนต์เข้าและออกห้าง การจุดชนวระเบิด ว่าใช้เวลาแต่ละช่วงนานเท่าไร และให้คาดการว่าคนใช้ชิ้นส่วนอะไรก่อระเบิด ส่วนถังแก๊สที่พบในที่เกิดเหตุนั้น ขณะนี้จากการตรวจสอบนั่นพบว่าไม่ใช่ของบุคคลโดยรอบ หลังจากนี้ให้ไปเก็บดีเอ็นเอของเจ้าของร้านใกล้เคียง
ส่วนรถที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น ตอนนี้ยังระบุได้ไม่ชัดเจนทราบว่าเป็นจักรยานยนต์ค่อนข้างเก่า และมีวางของข้างหน้า ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เส้นทางจากที่เกิดเหตุออกไปไปสวนสน ทะลุถนนรามคำแหงออกทางหมู่บ้านพฤชาติ เลียบทางด่วน หรือ ออกทางหมู่บ้านเศรษฐกิจ ขณะนี้ให้ตรวจสอบว่าคนร้ายใช้เส้นทางผ่านทางสน.ทั้งหมด 4 สน. คือ สน.ลาดพร้าว สน.บึ่งกุม สน.บางชัน และล่าสุดทราบว่าสุดทางนั้นคนร้ายหายไปในพื้นที่สน.หัวหมาก
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผย ว่า จากการสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง ทราบว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุมีเพียงคนเดียว โดยคนร้ายมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์สิน ไม่มีความเกี่ยวข้องในด้านความมั่นคง อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่สถานที่สำคัญในเชิงสัญลักษณ์ การวางระเบิดนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนประทุษกรรมของคนร้ายเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งดำเนินการตรวจสอบเส้นทางหลบหนีจากกล้องวงจรปิด ตรวจสอบยานพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เพื่อจะได้ดำเนินการจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป
รอง โฆษก ตร.กล่าวว่า ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว และหากพบเห็นวัตถุหรือสิ่งของต้องสงสัยอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ ไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของ มีลักษณะภายนอกผิดปกติ หรือเป็นวัตถุที่ไม่เคยพบเห็น ณ ที่นั้นมาก่อน ให้สงสัยว่าเป็นวัตถุอันตราย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ หรือโทรแจ้งสายด่วน 191 เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป
