เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. และพล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.กองแผนงานอาชญากรรม นำคณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาจากกองบินตำรวจ ท่าแร้ง ตั้งแต่เวลา 07.20 น.เพื่อเดินทางไปยังพื้นที่อ.ตาพระยาและอ.คลองหาด จ.สระแก้ว เพื่อปฏิบัติการจู่โจมตรวจสอบเป้าหมายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ โดยเวลา 08.30 น. เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงจอดบริเวณที่ทำการเทศบาลต.ตาพระยา ก่อนจะมาพบกับพล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.พร้อมพ.อ.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพิเศษประจำหน่วยทหารรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ พ.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่านเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา(ฝ่ายกฎหมาย)ช่วยราชการกองพลทหารม้าที่ 2รักษาพระองค์ ที่รออยู่ก่อนแล้ว
จากนั้นคณะตำรวจ ทหาร รวมถึงนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และนายสาธิต ภู่หอมเจริญ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ เข้าปฏิบัติการตรวจค้น บุกจับผู้มีอิทธิพลทั้งหมด 15 จุด ผลการจับกุมได้ผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมาก อย่างไรก็ดีปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมยืดเยื้อนานกว่า13ชั่วโมงยังไม่แล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แถลงผลการตรวจค้น ขณะที่ผู้สื่อข่าวหลายสำนักที่ติดตามคณะพล.ต.อ.ศรีวราห์ไปจากกรุงเทพฯยังคงปักหลักรอการแถลงข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเวลา 19.25 น. นักบินเฮลิคอปเตอร์แจ้งว่าไม่สามารถนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯได้ เนื่องจากท้องฟ้าปิด สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย จะมีพายุเข้า เกรงว่าหากนำเครื่องขึ้นบินจะไม่ปลอดภัย ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวเห็นฟ้าแลบต่อเนื่อง
ทั้งนี้้ ภายหลังนักบินแจ้งเหตุขัดข้องดังกล่าว พล.ต.ต.ชยพล ได้พูดคุยกับนักบินด้วยตัวเอง เพื่อสอบถามถึงโอกาสในการนำเฮลิคอปเตอร์ แต่นักบินยังคงยืนยันว่าไม่สามารถนำเครื่องขึ้นบินได้จริงๆ เนื่องจากประเมินสภาพอากาศแล้วเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เป็นเหตุให้บรรดานายตำรวจและผู้สื่อข่าวที่เดินทางไปกับคณะพล.ต.อ.ศรีวราห์ตกค้างอยู่ ที่สภ.ตาพระยา ไม่สามารถเดินกลับได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ตาพระยา ได้จัดหาข้าวกล่องมาให้ผู้สื่อข่าวและช่างภาพเกือบ10ชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารชุดจู่โจมประมาณ 30 นาย ตลอดจนต่างด้าวชายหญิงที่ถูกคุมตัวมาประมาณ 15 คน รับประทานระหว่างรอเวลา อย่างไรก็ตามจนถึงเวลา22.10 น. คณะของพล.ต.ท.ศรีวราห์ ยังไม่สามารถเดินทางกลับได้แต่อย่างใด
