วันที่ 12 ตุลาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไชต์สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เผยแพร่คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.114/2560 อายัดทรัพย์นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พ.ท.อมร มุตตามระ และ พ.ต.(หญิง) นาฏยา มุตตามระ จำนวน 84 รายการ จำนวน 38,020,970.00 บาท เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีฉ้อโกงประชาชนและยักยอกทรัพย์และการฟอกเงิน โดยนายศุภชัยได้ทำสัญญาชื้อขายที่ดินจำนวน 36 แปลงใน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา กับบริษัท พิษณุโลก เอทานอล จำกัด วงเงินกว่า 477 ล้านบาท โดยได้รับแคชเชียร์เช็ค 6 ฉบับเป็นค่าที่ดิน และนายศุภชัยได้นำแคชเชียร์เช็ค 4 ฉบับชำระหนี้จำนองและชำระค่าธรรมเนียม และค่าภาษีในการทำนิติกรรมจำนวนกว่า 128 ล้านบาท มอบแคชเชียร์เช็ค 1 ฉบับ จำนวน 100 ล้านบาท ให้แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และเช็คอีก 1 ฉบับ จำนวน 249 ล้านบาท ฝากเข้าบัญชีธนาคารชื่อนายศุภชัย จากนั้นถอนเงินและโอนเงินให้กับนิติบุคคลและบุคคล 8 ราย ซึ่งบางรายเป็นกลุ่มเครือข่ายผู้กระทำผิดของนายศุภชัย
ทั้งนี้ ต่อมามีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีการซื้อขายที่ดินว่ามีกลุ่มบุคคลใดได้รับประโยชน์จากการขายที่ดินดังกล่าวบ้าง ซึ่งผลการตรวจสอบนั้นพบข้อมูลน่าเชื่อได้ว่ามีบุคคลและนิติบุคคลหลายรายได้รับประโยชน์ และทราบว่าเงินดังกล่าวมีที่มาจากการกระทำความผิดมูลฐาน และไม่มีเหตุตามกฎหมาย เข้าข่ายความผิดตาม กม.ปปง. และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่านายศุภชัย พ.ท.อมร และ พ.ต.(หญิง) นาฏยากับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดจำนวน 84 รายการ คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติให้อายัดทรัพย์ดังกล่าวไว้ชั่วคราว 90 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2556 ถึง 24 ธันวาคม 2560 และให้ยื่นเอกสารชี้แจงภายใน 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พ.ท.อมร มุตตามระ อดีตเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ และ พ.ต.หญิงนาฏยา มุตตามระ อดีต ผอ.ส่วนช่วยอำนวยการและประชาสัมพันธ์ ทั้งสองเป็นสามี-ภรรยากัน ได้ถูก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งกรรมการสอบสวนความผิดวินัยร้ายแรง หลังพบหลักฐานทางธุรกรรมมีการเชื่อมโยงเงินจำนวน 40 ล้านบาทของกลุ่มนายหน้าขายที่ดินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ให้กับบริษัทพิษณุโลก เอทานอล จำกัด (คดีพิเศษที่ 42/2559) และให้ออกจากราชการแล้ว
