จากกรณีเหตุไฟไหม้อาคารพาณิชย์ เลขที่ 118/23-24 จำนวน 2 คูหา ภายในซอยหลานหลวง 8 ถนนหลานหลวง แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่เก็บม้วนผ้าขายส่ง ภายหลังเพลิงสงบเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบความเสียหาย พบผู้เสียชีวิต 2 ราย อยู่บนชั้นดาดฟ้า เป็นชาย 1 ราย และหญิง 1 รายนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 29 ตุลาคม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณห้องพักชั้นดาดฟ้า ทราบชื่อต่อมาคือ นายบุญทอน มีทรัพย์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 5 ต.ดอนตาล อ.เมือง จ.มุกดาหาร และนางสำราญ ทับหลักศิลป อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 8 ต.หนองขาม อ.จักราช จ.นครราชสีมา สองสามีภรรยา สภาพศพไหม้เกรียม มีแผลผุพองตามลำตัว
นายอาทิตย์ และนางชุลี เสถียรวิทยกุล สองสามีภรรยาเจ้าของตึกดังกล่าว ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า หลังได้รับแจ้งว่าอาคารไฟไหม้ก็รีบเดินทางมา โดยปกติมีคนงานเฝ้าอยู่ 3 คน ช่วงเกิดเหตุหนีออกมาได้ 1 คน อีก 2 คน เป็นสามีภรรยา นอนพักที่ชั้นดาดฟ้า
นายยอดขวัญ จุณณะปิยะ ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เปิดเผยว่า เพลิงได้ลุกไหม้ชั้น 2 ลามชั้น 3 ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดประมาณ 1 ชั่วโมง ช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถดับถ่านที่ลุกไหม้กองผ้า จึงสามารถเข้าไปตรวจสอบเบื้องต้นภายในอาคารได้ พบผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นคนงานที่บริเวณห้องพักด้านในบนชั้นดาดฟ้า นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า อย่างไรก็ตาม อาคารดังกล่าวมีโครงสร้างไม่แข็งแรง เนื่องจากถูกความร้อนเป็นเวลานาน ทำให้พื้นบริเวณชั้น 3 และชั้น 4 เกิดแอ่นและโก่งตัว จึงต้องสั่งปิดอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ทั้ง 2 คูหา โดยห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในอาคาร พร้อมทั้งแนะนำอาคารพาณิชย์เลขที่ 118/25 ซึ่งอยู่ใกล้เคียงไม่ให้ใช้เครื่องจักรและขนย้ายสิ่งของหนักออกจากอาคาร เพราะบริเวณผนังพบรอยร้าว เบื้องต้นจะสั่งปิดอาคารพาณิชย์ทั้ง 2 คูหา เป็นเวลา 15 วัน
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์พบว่า เพลิงได้ลุกไหม้จากชั้น 2 ของอาคารดังกล่าว ก่อนจะลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร
