ทูตพม่าพาสองแม่ลูกร้องกองปราบ คลี่เงื่อนงำลูกสาวถูกจัดฉากฆ่าตัวปริศนา

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 31 ตุลาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) นายออง โค ทัน เจ้าหน้าที่ดูแลด้านแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย พานางปาละ อายุ 47 ปี และ น.ส.ลุควา อายุ 22 ปี สองแม่ลูกชาวพม่า เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม ให้ช่วยสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิต ของ น.ส.หวาน ปาเปียว หรือน้องน้ำหวาน อายุ 17 ปี สาวใช้ชาวพม่า บุตรสาวคนเล็ก เบื้องต้นถูกระบุว่าเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังพบข้อสงสัยจนทำให้เชื่อว่า น.ส.หวานอาจถูกฆาตกรรม และจัดฉากเป็นการฆ่าตัวตาย

น.ส.ลุควา พี่สาวของ น.ส.หวาน กล่าวว่า ตนและน้องสาวมาทำงานเป็นแม่บ้านให้กับนายจ้างรายหนึ่งใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี แต่ระหว่างทำงานอยู่ตนและน้องสาวมักจะถูกนายจ้างกดดันและต่อว่าเรื่องการทำงานตลอดเวลา จึงหลบหนีออกมาจากบ้านหลังดังกล่าวเมื่อกลางดึกของวันที่ 6 สิงหาคม แต่พอถึงช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้นตนมาทราบว่า น.ส.หวาน เสียชีวิตภายในบ้านพักของนายจ้าง เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ระบุสาเหตุมาจากฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืน จึงเกิดข้อเคลือบแคลงสงสัยสาเหตุการตายของน้องสาวอย่างมาก เนื่องจากน้องสาวยิงปืนไม่เป็น อีกทั้งปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของนายจ้าง ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่น้องสาวจะกระทำการดังกล่าว

ด้าน นายออง โค ทัน กล่าวว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากญาติของ น.ส.หวาน จึงตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น พบพิรุธหลายประการคือ น.ส.หวาน เป็นคนถนัดมือซ้าย แต่บาดแผลพบว่าถูกยิงที่ขมับขวา อีกทั้งยังพบปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุ 2 ปลอก ไม่มีทางเป็นไปได้ว่าคนฆ่าตัวตายจะยิงปืนถึง 2 นัด อีกทั้งยังเชื่อว่ามีการเปลี่ยนปืนของกลาง เพราะปืนที่พบในที่เกิดเหตุเป็นสีดำ แต่ภายหลังพบว่าปืนของกลางที่อยู่ในสำนวนของตำรวจกลับเป็นสีเทาเงิน นอกจากนี้ ยังพบว่าไม่มีการชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอน ที่ผ่านมาตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย ได้พยายามสอบถามขอข้อมูลกับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง ที่สรุปสำนวนคดีนี้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่กลับไม่เคยได้รับคำตอบหรือคำชี้แจงแม้แต่ครั้งเดียว จึงมาร้องเรียน บก.ป. เพื่อขอความเป็นธรรมช่วยรื้อคดีนี้ให้ปรากฏความจริง

พ.ต.อ.ภูมินทร์กล่าวว่า สั่งการให้พนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้ พร้อมสอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้เบื้องต้น เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาประกอบร่วมกับหลักฐานอื่นๆ พร้อมทั้งเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสหลักฐานเพิ่มเติมรวมถึงจำเป็นต้องใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ก่อนจะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image