สมเด็จช่วงยังปฏิบัติกิจ’ทำวัตรเย็น’ก่อนดีเอสไอเข้าสอบปากคำ ณ วัดปากน้ำ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 16 มีนาคม ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดปากน้ำฯ ก่อนที่ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สารสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะนำคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ และอัยการ รวม 7 คน เดินทางมาสอบปากคำสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในฐานะพยาน ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถโบราณ เมอร์เซเดสเบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพฯ ในเวลา 20.00 น.นั้น ในช่วงเย็นที่ผ่านมา ยังคงมีพุทธศาสนิกชนเดินทางเข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสมเด็จช่วงก็ยังลงมาทำวัตรเย็นตามปกติ โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดโดยรอบประมาณ 20 นาย และมีสื่อมวลชนเป็นจำนวนมากเดินทางเข้ามารอทำข่าว

12833431_10208143010188671_1966222851_n

ต่อมาเวลา 17.30 น. นายสมศักดิ์ โตรักษา หัวหน้าทีมกฎหมายวัดปากน้ำฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้สมเด็จช่วงจะลงมาพูดคุยกับดีเอสไอด้วยตัวเอง แต่จะเป็นการหารือเพื่อให้ดีเอสไอกำหนดกรอบในการสอบปากคำว่าเกี่ยวข้องกับความผิดในการจัดซื้อรถยนต์จดประกอบในขั้นตอนใด แต่จะไม่ให้ดีเอสไอทำการสอบปากคำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้ส่งหนังสือมาเพื่อขอเข้าพบสมเด็จช่วงเท่านั้น โดยไม่ได้มีการระบุว่าจะสอบปากคำแต่อย่างใด ดังนั้น ในวันนี้จึงมีแค่การพูดคุยกันว่าจะสอบสมเด็จช่วงในประเด็นใดบ้าง จากนั้นดีเอสไอจะต้องทำหนังสือในการขอสอบปากคำอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการสืบสวนสอบสวนในคดี

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มาของเงินซื้อรถโบราณจำนวน 4 ล้านบาท ตนขอชี้แจงว่า จำนวนเงินดังกล่าว มีผู้มีจิตศรัทธามอบเงินสดผ่านโครงการซื้อรถโบราณ 1 ล้านบาทแก่สมเด็จช่วงโดยตรง เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์โบราณ ซึ่งเป็นการบริจาคส่วนตัว จึงไม่มีใบอนุโมทนาบัตร แต่มีหลักฐานการสั่งจ่ายเช็คชัดเจน ซึ่งผู้บริจาคได้เข้าให้ปากคำกับดีเอสไอแล้ว ส่วนเงินอีก 3 ล้านบาท ได้มาจากการรวบรวมจากผู้มีจิตศรัทธาผ่านโครงการซื้อรถโบราณ โดยมอบให้พระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ เป็นผู้ดำเนินการ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image