‘ศรีวราห์’มอบนโยบายสตม.ย้ำห้ามเรียกรับผลประโยชน์ โชว์จับ’รัสเซีย อิสราเอล จีน’ส่งกลับดำเนินคดี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีมอบนโยบายการบริหารราชการและแนวทางการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ 2561ให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด สตม. โดยมีพล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท ผบช.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สตม.ทั่วประเทศ เดินทางเข้ามารับฟังในครั้งนี้

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ได้กำชับการปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง8ประเด็นสำคัญ อาทิ มิให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเรียกรับผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นจากชาวต่างชาติที่กระทำความผิดหรืออยู่ในราชอาณาจักรนานเกินกำหนด ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งอาชญากรที่แฝงตัวมาในรูปแบบนักท่องเที่ยว คัดแยกเหยื่อหรือผู้ต้องหาชาวต่างชาติตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จากกรณีชาวอุยกูร์หลบหนีออกจากห้องกัก ได้สั่งการให้ตรวจสอบความมั่นคงของห้องกักว่าแข็งแรงเพียงพอหรือไม่ และดูแลความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ทั่วประเทศตามหลักสิทธิมนุษยชน รายงานประสิทธิภาพของการใช้ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติให้ทราบหลังเปิดใช้มาแล้วกว่า3เดือน ตม.ทั่วประเทศรายงานผลการปฏิบัติงาน ปัญหา อุปสรรค ในการปฏิบัติหน้าที่ กำชับให้ตรวจสอบการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เป็นชาวต่างชาติตามสถานีตำรวจทั่วประเทศว่ามีการส่งตัวมาดำเนินคดีที่สตม.ตามระเบียบครบถ้วนหรือไม่ และให้เจ้าหน้าที่สตม.ทุกนายประพฤติตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)

ขณะเดียวกันสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้แถลงผลจับกุมนายอเล็กซานเดอร์ ออเรพิน นายอันเดร อาเกเย็ฟ นายอีกอร์ เออร์มอคิน และนายบอรีส คลิทอฟ สัญชาติรัสเซีย หลังได้รับการประสานจากทางการรัสเซียว่ามีผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ คาดว่าหลบหนีเข้ามาประเทศไทย โดยนายอันเดร และนายอีกอร์ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลประเทศรัสเซีย ในความผิดเกี่ยวกับการผลิต การขายและการส่งยาเสพติดโดยผิดกฎหมาย ขณะที่นายอเล็กซานเดอร์ หลอกลวงว่าสามารถต่อวีซ่าให้ชาวรัสเซียได้ แม้วีซ่าจะหมดไปแล้วก็ตาม และนายบอรีส เป็นบุคคลที่ตำรวจสืบทราบว่ามีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด โดยทั้งหมดถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้ว และถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องกักสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อส่งกลับไปดำเนินคดียังประเทศต้นทาง

นอกจากนี้สตม. ยังจับกุมนายอาซาฟ คัทเซอร์ อายุ 38 ปี สัญชาติอิสราเอล ผู้ต้องหาหมายแดงตำรวจสากล ข้อหาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หลบหนีออกจากประเทศแล้วมาหลบซ่อนในประเทศไทย รวมทั้งสามารถจับกุม 3 ผู้ต้องหาชาวจีน เป็นบุคคลตามหมายจับจีน คดีฉ้อโกงเกี่ยวกับธุรกิจที่ผิดกฎหมาย สร้างความเสียหายกว่า8,500ล้านหยวน หรือ 42,500 ล้านบาท

Advertisement

ส่วนความคืบหน้าการติดตามตัวชาวอุยกูร์ที่หลบหนีจากห้องกักของตม.จว.สงขลา พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า สามารถติดตามจับกุมได้ชาวอุยกูร์กลับมาได้แล้ว 3 คนจากทั้งหมด 20 คน คาดว่าที่เหลือยังอยู่ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเดินทางออกนอกราชอาณาจักรแล้วหรือไม่ ขณะนี้ได้ประสานตำรวจมาเลเซียติดตาม รวมถึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีใครเข้ามาช่วยเหลือพาหลบหนี โดยวันที่ 28 พฤศจิกายน ตนจะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าด้วยตนเองที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 ส่วนที่ทางสมาคมชาวอุยกูร์ส่งหนังสือเกี่ยวกับการดูแลคุ้มครองเรื่องสิทธิมนุษยชนมานั้น ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสืออย่างเป็นทางการ แต่โดยปกติจะปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องตรวจสอบว่าห้องกักมีความแข็งแรงหรือไม่เท่านั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image