เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่เรือนจำกลางบางขวาง และเรือนจำกลางคลองเปรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมราชทัณฑ์ได้จัดพิธีโอนตัวนักโทษเด็ดขาดสัญชาติฝรั่งเศส 2 ราย และเดนมาร์ก จำนวน 1 ราย เพื่อกลับไปรับโทษต่อยังประเทศตามสัญชาติของนักโทษเด็ดขาด
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้โอนตัวนักโทษเด็ดขาดระหว่างประเทศตั้งแต่ปี 2533 เป็นการดำเนินการตามพ.ร.บ.การปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ.2527 และสนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวนักโทษเด็ดขาดระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยได้ทำไว้กับประเทศต่างๆ โดยประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกที่มีการทำสนธิสัญญาการโอนนักโทษ จนถึงปัจจุบันประเทศไทยมีสนธิสัญญาการโอนนักโทษกับประเทศต่างๆแล้ว 37 ประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส สเปน แคนาดา สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ไนจีเรีย กัมพูชา และญี่ปุ่น เป็นต้น และมีการโอนตัวนักโทษเด็ดขาดชาวต่างประเทศกลับไปรับโทษต่อยังประเทศที่นักโทษมีสัญชาติ ทั้งสิ้น 1,077 ราย การโอนตัวนักโทษระหว่างประเทศเป็นการเปิดโอกาสให้นักโทษกลับไปรับโทษที่เหลืออยู่ในประเทศของตนได้ใกล้ชิดครอบครัว ญาติพี่น้อง และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม คุ้นเคย เพื่อประโยชน์ต่อการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยให้เป็นคนดีกลับสู่สังคมต่อไป อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาความแออัดภายในเรือนจำของไทยในระดับหนึ่ง
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวต่อว่า สำหรับเงื่อนไขเบื้องต้นของการโอนตัวนักโทษนั้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อมีสนธิสัญญาว่าด้วยการโอนนักโทษระหว่างรัฐต่อรัฐ และต้องได้รับความยินยอมจาก 3 ฝ่าย ได้แก่ รัฐผู้โอน รัฐผู้รับโอน และนักโทษที่จะได้รับการโอนตัว โดยนักโทษที่จะโอนตัวต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดคดีถึงที่สุด ได้รับโทษจำคุกมาแล้วเกินกว่า 1 ใน 3 ของโทษ และ เหลือโทษจำอยู่ต้องไม่น้อยกว่า1 ปี รวมถึงต้องมีคุณสมบัติไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.การปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาการโอนนักโทษ
