2 บิ๊กตำรวจมอบตัว หลังเบี้ยวฟังฎีกาจำคุก 15 ปี คดีช็อตไฟฟ้าให้รับสารภาพ-บังคับซัดทอด

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว อดีตรองผู้บัญชาการกองฎหมายและคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระนองแล้ว หลังได้หลบหนีคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินจำคุกคนละ 15 ปี ในคดีร่วมกันใช้ไฟฟ้าช็อตผู้ต้องหาให้รับสารภาพ พร้อมบังคับให้ซัดทอด สมาชิก อบต.บางริ้น 1 คน ว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่า “นายเกษม คงตุก” สมาชิกสภา อบต.บางริ้น เมื่อปี 2545 โดยแหล่งข่าวระบุว่า ในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวทั้งสองคนส่งเข้าเรือนจำจังหวัดระนองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธการให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าวทั้งหมด

โดยเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2560 เวลา 10.00 น. ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 1 ศาลจังหวัดระนอง ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีระหว่าง นายวิโรจน์ สุวรรณี โจทก์ที่ 1กับพวกรวม 3 คน กับ พ.ต.อ.รณพงษ์ ทรายแก้ว จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 14 คน ในคดีบังคับใช้ไฟฟ้าช็อตให้ นายวิโรจน์ สุวรรณี โจทก์ที่ 1 และ นายวินัย ขุนแผ้ว โจทก์ที่ 2 ให้การซัดทอด นายกรีฑา ยกย่อง โจทก์ที่ 3 (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางริ้น) ว่าเป็นผู้จ้างวานให้ใช้ปืนยิงนายเกษม คงตุก สมาชิกสภา อบต.บางริ้น เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2545 เหตุเกิดที่ ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง เมื่อถึงเวลานัดอ่านคำพิพากษา เวลา 10.30 น. ฝ่ายโจทก์ในคดีนี้เดินทางมาศาล ประกอบด้วย นายวินัย ขุนแผ้ว นายกรีฑา ยกย่อง และครอบครัวของนายวิโรจน์ สุวรรณี แต่ปรากฏว่าทางฝ่ายจำเลยคือ พ.ต.อ.รณพงษ์ ทรายแก้ว จำเลยที่ 1 อดีตรองผู้บัญชาการกองฎหมายและคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำเลยที่ 2 ยังคงหลบหนีและถูกออกหมายจับไปอยู่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา หลังจากมีการเลื่อนอ่านคำพิพากษามาแล้วถึง 3 ครั้ง เนื่องจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่มาฟังคำพิพากษา

ซึ่งในวันนั้นศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลัง โดยศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษานานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง มีความยาว 41 หน้ากระดาษ ซึ่งศาลฎีกาได้พิจารณาพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 15 ปีนั้น นับว่าเหมาะสมแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 15 ปี และยกฟ้องจำเลยที่เหลืออีก 12 คน

สำหรับ พ.ต.อ.รณพงษ์ ทรายแก้ว ตำแหน่งสุดท้ายคือ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว รองผู้บัญชาการกองฎหมายและคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้ลาออกจากราชการโดยขอรับบำเหน็จ ตั้งแต่ก่อนหนีการไม่เข้าฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในรอบที่ 2

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image