เมื่อเวลา 19.30 วันที่ 20 ม.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบก.ทท พ.ต.อ.วิฑูร เหลืองอมรศักดิ์ ผกก.2 บก.ทท.และเจ้าหน้าที่กก.2 บก.ทท.ร่วมแถลงผลการจับกุม นาย ชักวูดิ เอมิก้าชุกวู นวอชอร์ อายุ 37 ปี สัญชาติไนจีเรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จังหวัดพัทยา ที่ จ.561/2558 ลงวันที่ 2 ธ.ค.2558 พร้อมของกลาง 1.มือถือ 2 เครื่อง 2.เสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ 3.สมุดบัญชีเงินฝาก 4.บัตรเอทีเอ็ม โดยสามารถจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 50/201 ถ.หทัยราษฏร์ ซอย 6 แยก 11 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม.
พ.ต.อ.นิธิธร กล่วาว่า จากแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ต้องหานั้นเป็นกลุ่มขบวนการคนผิวสีที่ใช้การกระทำลักษณะ โรแมนสแกลม คือการใช้สื่อทางโลกออนไลน์ ในการหลอกลวงและหาเหยื่อซึ่งอาศัยการหลอกลวงในลักษณะเข้ามาพูดคุย เข้ามาจีบ โดยการแอบอ้างตัวเองว่าเป็นบุคคลอื่นที่มี รูปร่างหน้าตา ฐานะการทำงานดี จนทำให้เหยื่อหลวงเชื่อ จากนั้นก็จะใช้ความเชื่อใจหลอกเหยื่อให้โอนเงินค่าธรรมเนียม ค่าความปลอดภัย หรือค่าอะไรก็ตามที่เป็นลักษณะการโอนเงินต่างๆเพื่อแลกกับของมีค่าที่ถูกจัดส่งมา ซึ่งจะมีคนอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ติดต่อมาอีกทีเพื่อความน่าเชื่อถูก สำหรับผู้ต้องหาคนดังกล่าวนั้นมีพฤติกรรมใช้ เฟสบุคปลอมเป็นหญิงชางยุโรป ชื่อ Miss Gianna Addisหลอกเหยื่อ ผู้ชายคนไทยจนเชื่อสนิทว่าเป็นหญิงสาวชาวยุโรปและมีการหลอกให้โอนเงินทั้งสิน 8 ครั้ง รวมเป็นเงิน 808,500 บาท
พ.ต.อ.นิธิธร กล่าวต่อว่า จากแนวทางสอบสวนยังพบว่า นาย ชักวูดิ เข้ามาอยู่เมืองไทยได้ 5 ปี และหลอกลวงหญิงชาวไทยมาเป็นภรรยาเพื่อสร้างครอบครัว และมีลูกด้วยกันเพื่อเป็นเหตุผลในการขอต่อวีซ่าสำหรับอุปการะบุตร ซึ่งจะได้ระยะเวลาของวีซ่าอีก 1 ปี มากกว่าวีซ่าท่องเที่ยวซึ่งมีเวลาอยู่ 30 วัน ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้นถือว่าทำให้ประเทศเราเสียหายเนื่องจากกลุ่มขบวนการดังกล่าวไม่ได้ต้องการจะรับผิดชอบดูแลบุตรหรือครอบครัวที่สร้างไว้ เพียงใช้เป็นข้ออ้างในการต่อเวลาของวีซ่า นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มโรแมนสแกลมนั้นยังมีการ ขายข้อมูลเหยื่อ ที่หลอกลวงมาได้สักระยะเพื่อให้พวกเดียวกันเพื่อเป็นช่องทางในการหลอกลวงหาประโยชน์
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ก่อนนำตัวส่ง พงส.สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
