วันที่ 19 มกราคม 2561 ที่เรือนจำบางขวาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมราชทัณฑ์จัดพิธีโอนตัวนักโทษเด็ดขาดสัญชาติสวีเดน 1 ราย เพื่อกลับไปรับโทษต่อยังประเทศตามสัญชาติของนักโทษเด็ดขาด
โดย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ดำเนินการโอนตัวนักโทษเด็ดขาดระหว่างประเทศตั้งแต่ปี 2533 เป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ.2527 และสนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวนักโทษเด็ดขาดระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้ทำไว้กับประเทศต่างๆ โดยประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกที่มีการทำสนธิสัญญาการโอนนักโทษ จนถึงปัจจุบันประเทศไทยมีสนธิสัญญาการโอนนักโทษกับประเทศต่างๆ แล้วจำนวนทั้งสิ้น 37 ประเทศ
อาทิ ฝรั่งเศส สเปน แคนาดา สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ไนจีเรีย กัมพูชา และญี่ปุ่น เป็นต้น และมีการโอนตัวนักโทษเด็ดขาดชาวต่างประเทศกลับไปรับโทษต่อยังประเทศที่นักโทษมีสัญชาติทั้งสิ้น 1,079 ราย โดยการโอนตัวนักโทษระหว่างประเทศเป็นการเปิดโอกาสให้นักโทษกลับไปรับโทษที่เหลืออยู่ในประเทศของตน ได้ใกล้ชิดครอบครัว ญาติพี่น้อง และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม คุ้นเคย เพื่อประโยชน์ต่อการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยให้เป็นคนดีกลับสู่สังคมต่อไป อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาความแออัดภายในเรือนจำของไทยในระดับหนึ่ง
พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวต่อว่า สำหรับเงื่อนไขเบื้องต้นของการโอนตัวนักโทษนั้น จะดำเนินการได้ต่อเมื่อมีสนธิสัญญาว่าด้วยการโอนนักโทษระหว่างรัฐต่อรัฐ และต้องได้รับความยินยอมจาก 3 ฝ่าย ได้แก่ รัฐผู้โอน รัฐผู้รับโอน และนักโทษที่จะได้รับการโอนตัว โดยนักโทษที่จะโอนตัวต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดคดีถึงที่สุด ได้รับโทษจำคุกมาแล้วเกินกว่า 1 ใน 3 ของโทษ และเหลือโทษจำคุกอยู่ต้องไม่น้อยกว่า 1 ปี รวมถึงต้องมีคุณสมบัติไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ.2527 และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาการโอนนักโทษ
