เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.ธนังค์ บุรานนท์ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบก.รฟ. รรท.ผบก.รฟ. พ.ต.อ.พุฒิเดช บุญกระพือ ผกก.3 ตำรวจรถไฟ และตำรวจทางหลวงร่วมกันแถลงผล พ.ต.ต.ธาม ลอยสะเทื้อน สว.ส.รถไฟหัวหิน นำกำลังจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติชาวมาเลเซีย 15 คน มี นายงอ เคียน ยิว สัญชาติมาเลเซีย เป็นหัวหน้าขบวนการ ยึดยาไอซ์ 226 กิโลกรัม และเฮโรฮีนน้ำหนัก 8 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท หากส่งออกไปประเทศที่สามจะมีมูลค่าสูงกว่า10 เท่า
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกจับกุมระหว่างโดยสารด้วยขบวนรถไฟด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 35 กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ หรือบัตเตอร์เวิร์ธ โดยเวลา 17.00 น. วันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ด.ต.สันติ ปานดำรงค์ แล ะด.ต.นุกูล ปาโต ผบ.หมู่ ส.รฟ.หาดใหญ่ กก.3 บก.รฟ. เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟประจำขบวนรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศ ที่35 กรุงเทพฯ-ปาดังเดซาร์ พบผู้ต้องสงสัยทราบชื่อ นายมูฮัมหมัด ไอซามุดดิน บิน อับ ราซัก และนายแมซเนเเซม บิน มานัพ ชาวมาเลเซีย ท่าทีพิรุธ จึงขอตรวจค้นกระเป๋าเป้สะพายหลัง พบยาไอซ์ น้ำหนัก 34 กิโลกรัม เฮโรอีน 1.5 กิโลกรัม จึงควบคุมตัวลงที่สถานีรถไฟราชบุรี
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า จากนั้น ขยายผลจับกุมนายคามาลูดิน บิน ซาร์จู นายนาบิล ซาฟิค บิน คามาล และนายอิลริซ ซาริฟ บิน ซาริฟฟูดิน ชาวมาเลเซีย พร้อมยาไอซ์ 23 กิโลกรัม ควบคุมตัวลงที่สถานีรถไฟหัวหิน ต่อมาควบคุมตัว นายเคนนี ลิม เว่ย เหลียง นายวูน มิง เชียง นายทาน ชัท เพียม นายแยพ วุน แมน นายงอร์ เคียง ยิว นายลิว โป หวี และนายซี ชิน วี ชาวมาเลเซีย พร้อมยาไอซ์ 74 กิโลกรัม ควบคุมตัวลงที่สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาจับกุมตัว นายวอง คา เซ็ง นายลู ชี อิค และนายโฮ ไว ไฮ ชาวมาเลเซีย พร้อมยาไอซ์อีก 44 กิโลกรัม ได้ที่สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ จับกุมยาไอซ์น้ำหนัก 54 กิโลกรัม และเฮโรอีน น้ำหนัก 4.8 กิโลกรัม ลงที่สถานีรถไฟชุมพร เบื้องต้นแจ้งข้อหามียาไอซ์และเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า ขบวนการค้าเสพติดรายนี้ใหญ่ที่สุดที่ตำรวจสอบสวนกลางจับกุมได้ จากข้อมูลการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ลักลอบนำยาเสพติดล็อตนี้มาจากภาคเหนือเพื่อลำเลียงมาพักที่ กทม.ก่อนลำเลียงต่อลงทางภาคใต้ไปยังมาเลเซีย โดยใช้เส้นทางขบวนรถไฟและมีจุดหมายปลายทางที่ประเทศมาเลเชีย หลังจากนี้ ตำรวจจะร่วมกับตำรวจมาเลเชียในการตรวจสอบประวัติ และขยายผลจับกุมขบวนการที่เหลือ เชื่อว่าจะมีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย สำหรับของกลางยาเสพติดล็อตนี้หากหลุดรอดไปได้ นอกจากจะขายในมาเลเซียแล้ว เชื่อว่าจะถูกส่งไปยังประเทศแถบยุโรปด้วย
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตำรวจปราบปรามยาเสพติดมีมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดเข้มข้น ตามเส้นทางหลัก มีการใช้กล้องไลเซนส์เพจตรวจสอบทะเบียนรถ ขบวนการลำเลียงยาเสพติด จึงมีการเปลี่ยนเส้นทางมาใช้รถไฟในการลำเลียงยาเสพติด จึงสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดบูรณาการสกัดกั้น โดยตำรวจท่องเที่ยวสกัดกั้นทางอากาศ ตำรวจทางหลวงสกัดกั้นเส้นทางหลวง ส่วนทางเรือเป็นความรับผิดชอบของตำรวจน้ำ ทั้งนี้ การบรรจุหีบห่อเป็นฟอยล์ ทำให้เล็ดรอดการสแกนโดยระบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียรับข้อมูลไปขยายผลที่มาเลเซียต่อ ส่วนในไทยให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)ขยายผลเครือข่ายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาบางรายเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์บินตรงมาลงที่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ บางรายพบข้อมูลว่าเดินทางเข้ามาทางด่านสะเดา จ.สงขลา แต่ทุกคนมานัดพบกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เพื่อมารับของกลาง จากการสอบสวนผู้ต้องหาบางคนให้การว่า มีคนไทยเป็นผู้ว่าจ้าง ขณะที่บางรายระบุว่าได้รับการว่าจ้างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้ค่าจ้างห่อละ 5,000 บาท ทั้งหมดอ้างว่าไม่รู้ว่าของที่ให้ลำเลียงเป็นยาเสพติด อย่างไรก็ตาม บางคนพบตั๋วรถไฟเชียงใหม่-กทม.ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม เชื่อว่ามีการลำเลียงยาเสพติดล็อตนี้ทางรถไฟมาจากเชียงใหม่มาเปลี่ยนขบวนรถไฟที่ กทม.
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นอกจากนี้ ตำรวจทางหลวง สามารถจับกุมกัญชาอัดแท่งน้ำหนัก 75 กิโลกรัม ขณะตั้งด่านตรวจบริเวณถนนมิตรภาพ จ.สระบุรี รวมทั้งตำรวจทางหลวงชุมพร ตั้งด่านตรวจบนถนนเพชรเกษม สามารถจับกุมกัญชาอัดแท่งน้ำหนัก 64 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหาชาวไทย 1 ราย สอบสวนทราบว่าเตรียมส่งขายพื้นที่ภาคใต้
