จากกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตันประเทศสหรัฐอเมริกาว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา กระทรวงการคลังของสหรัฐออกแถลงการณ์เรื่องการขึ้นบัญชีดำ คิงส์ โรมัน คาสิโน ในฐานะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสถานประกอบการดังกล่าวตั้งอยู่ภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำทางตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นพรมแดนรอยต่อระหว่างลาวกับไทยและพม่า โดยรัฐบาลสหรัฐมีหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่าคิงโรมันคาสิโนเป็นชุมทางของกิจกรรมผิดกฎหมายหลายอย่างในเขตสามเหลี่ยมทองคำทั้งธุรกิจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดรวมถึงเป็นผู้จัดจำหน่าย heroine และยาบ้าให้กับกองทัพว้าแดงในรัฐฉานของพม่า มาการค้ามนุษย์การค้าสัตว์ป่าและอวัยวะสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยเจ้าหน้าที่สามารถสืบเส้นทางไปได้จนถึงปี 2557
ทั้งนี้จากรายงานดังกล่าวกระทรวงการคลังของสหรัฐยังขึ้นบัญชีดำบุคคล 4 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารองค์กรดังกล่าวเป็นมหาเศรษฐีชาวจีนผู้บริหารสูงสุด ภรรยาสัญชาติจีน นักธุรกิจชาวออสเตรเลีย สุดท้ายเป็นชายสัญชาติไทยอีกหนึ่งคน เป็นผู้อำนวยการของบริษัทดังกล่าว มีหน้าที่เคลื่อนย้ายทรัพย์สินในนามขององค์กร
เมื่อวันที่31มกราคม พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่มีการทำหนังสือมาเป็นลายลักษณ์อักษรจากประเทศสหรัฐอเมริกาในการขอความร่วมมือให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติ(ตร.) ช่วยติดตามจับกุมผู้ที่ถูกขึ้นบัญชีดำทั้งชาวจีน ชาวออสเตรเลีย และคนไทย 1 คน ที่ถูกระบุในข่าวดังกล่าว ทั้งนี้พบว่าเครือข่ายขององค์กรดังกล่าวที่ถูกระบุในรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะมีลักษณะที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายที่อยู่ในย่านเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำรวมทั้งเรื่องยาเสพติดด้วย ยาเสพติดที่มีการลำเลียงมาจากทางภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ประเทศไทยบางส่วนอาจมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรดังกล่าว เพราะกลุ่มเครือข่ายองค์กรยาเสพติดหรือองค์กรต่างๆมักมีความเชื่อมโยงกันทั้งหมดในกระบวนการ ทั้งนี้ต้องตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวอย่างละเอียดกับทางการสหรัฐ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าบุคคลดังกล่าวมีการออกหมายในลักษณะใด เป็นหมายจับ เป็นการขึ้นบัญชีแบบใด หรือเป็นการขอความร่วมมือในการติดตามจับกุม มีการกระทำความผิดในรูปแบบใด ทั้งนี้หากทางการสหรัฐมีการประสานให้ติดตามจับกุม หรือส่งตัวก็พร้อมที่จะทำตามขั้นตอนกระบวนการ แต่หากเป็นความผิดที่เกิดขึ้นนอกประเทศก็เป็นข้อมูลที่ต้องพูดคุยกับทางสหรัฐอีกครั้ง
