เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 มีนาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล รับหนังสือร้องเรียนจาก น.ส.สาลินี ทะสา และนายชาญชัย ดงไม้สถิต สองสามีภรรยาชาว จ.ขอนแก่น ผู้เสียหาย โดยกล่าวหาว่า พ.อ. ในราชการนายหนึ่ง และภรรยา พร้อมพวกร่วมกันหลอกลวง ฉ้อโกงให้ร่วมลงทุนธุรกิจร้านมือถือ โดยมีผู้เสียหายกว่า 20 ราย มีทั้งญาติและประชาชนรายอื่นๆ ในจ.ขอนแก่น อุดรธานี และระยอง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 72 ล้านบาท
โดย น.ส.สาลินีกล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2557 พ.อ.คนดังกล่าวและภรรยาพูดโน้มน้าวให้ตนร่วมลงทุนเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือที่ จ.ขอนแก่น โดยอ้างว่ามีฐานลูกค้าจำนวนมาก แต่ไม่มีเงินลงทุน จึงเชิญชวนให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก ระยะแรกผลตอบแทนดี จนกระทั่งวันที่ 19 กันยายน 2558 ไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้เลย จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก สูญเงินไปกว่า 1.3 ล้านบาท
น.ส.สาลินีกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนกับหลายหน่วยงาน อาทิ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กองทัพบก แต่ไม่มีความคืบหน้าจึงตัดสินใจเข้ามาร้องเรียนกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ในฐานะที่รับผิดชอบปราบปรามผู้มีอิทธิพล เนื่องจากคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ภาคอีสาน โดยนำหลักฐานการโอนเงินและหลักฐานอื่นๆ มามอบให้
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า คดีนี้มอบหมายให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ลงพื้นที่ร่วมกับ บช.ภ.4 หากพบว่าผิดจริงจะใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการกับผู้กระทำผิด กรณีนี้เข้าข่ายความผิดอาญา อย่างไรก็ตามต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตำรวจจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ว่าไปตามกฎหมาย จะประสานข้อมูลกับทางกองทัพ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นทหาร เป็นลักษณะของการประสานข้อมูลระหว่างกัน ทั้งนี้ หากประชาชนถูกผู้มีอิทธิพลในพื้นที่คุกคาม และไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถมาร้องเรียนที่ตนเองได้ทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้เสียหายไปร้องเรียนกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ บก.ภ.จว.ขอนแก่น แต่คดีไม่คืบหน้า ตรงนี้ถือว่าตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า กรณีแบบนี้ถือว่าเป็นการละเลย อย่างไรก็ตามสั่งการให้ บช.ภ.4 สอบสวนข้อเท็จจริงและเร่งรัดสืบสวนสอบสวนกรณีนี้แล้ว
