จากกรณีเฟซบุ๊กชื่อ ‘บริสุทธิ์ แซ่ย่าง’ เผยแพร่คลิปชายใส่เสื้อสีขาว อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นพ่อค้าแม่ค้าบริเวณหน้า รพ.รามาธิบดี แขวงและเขตพญาไท โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าบุคคลในคลิปเป็นตำรวจในสังกัดกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบก.สปพ.กล่าวว่า บุคคลในคลิปดังกล่าว เป็นบุคคลเดียวกับ จ.ส.ต.ศิระกร พรมนิล ผบ.หมู่งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ บก.สปพ. ถูกเจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไทจับกุม กรณีเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ประจำโรงพยาบาลรามาธิบดี แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท ว่า จ.ส.ต.ศิระกร พกพาอาวุธปืนเข้ามาบริเวณลานจอดรถชั้นบี 1 ภายในโรงพยาบาล จากการตรวจสอบภายหลังทราบว่า จ.ส.ต.ศิระกร เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตรวจสอบพบอาวุธปืนมีทะเบียนขนาด 9 มม. จากนั้นจึงนำตัวมาพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท จึงแจ้งข้อกล่าวหาฐานพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ก่อนจะให้ประกันตัวและปล่อยตัวชั่วคราว
พล.ต.ต.ภาณุมาศกล่าวต่อว่า ต่อมาเวลา 19.00 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ จ.ส.ต.ศิระกร เดินทางมา รพ.รามาธิบดีอีกครั้ง แล้วแสดงพฤติการณ์ลักษณะเดิม โดยพกพาอาวุธปืนและทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท จึงควบคุมตัวมาที่ สน.พญาไท เพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะติดต่อไปยังงานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ บก.สปพ. ให้มารับตัว โดยมีอาการลักษณะมึนเมา ทางผู้บังคับบัญชาจึงซักถามจนทราบว่า จ.ส.ต.ศิระกร เสพยาบ้ามา ทางตำรวจงานสายตรวจ 2 จึงนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ผลการตรวจสอบพบว่ามีสารเสพติดประเภท 1 หรือเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ในร่างกาย จึงนำตัว จ.ส.ต.ศิระกร ส่งพนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่น ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ภาณุมาศกล่าวอีกว่า จนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ทางพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ควบคุมตัว จ.ส.ต.ศิระกร ส่งสถานที่เพื่อการควบคุมตัวและสถานที่เพื่อการตรวจพิสูจน์ เรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวทาง บก.สปพ.พิจารณาแล้วถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 เห็นควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องดังกล่าว และจากพฤติการณ์และหลักฐานทางคดี หากให้ จ.ส.ต.ศิระกร อยู่ในหน้าที่ราชการจะเกิดความเสียหายแก่ราชการ สมควรสั่งให้พักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณา ได้ย้ำเสมอว่าหากมีตำรวจในสังกัดไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดต้องดำเนินคดีทุกราย อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าคลิปที่ปรากฏเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันใด แต่ยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกับ จ.ส.ต.ศิระกร
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. กล่าวว่า ทาง พล.ต.ต.ภาณุมาศ รายงานเรื่องดังกล่าวมาที่ตนแล้ว เหตุการณ์ที่ จ.ส.ต.ศิระกร ถูกจับกุม กับเหตุการณ์ในคลิปเป็นคนละเหตุกัน ก่อนถูกจับกุม 1 วัน จ.ส.ต.ศิระกร ได้ไปเยี่ยมพ่อตาที่ รพ.และไปมีปัญหากับ รปภ. ต่อมาวันที่ 20 กุมภาพันธ์ สน.พญาไท รับแจ้งจาก รพ. ว่ามีชายพกอาวุธปืนเข้ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตรวจสอบและจับกุมชายคนดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบและมีอาวุธปืน ตอนแรกยังไม่ทราบว่าเป็นตำรวจ จึงเชิญตัวมาที่ สน.พญาไท หลังจากดำเนินคดีที่ สน.พญาไท ก่อนแจ้งทางต้นสังกัดให้ทราบและมารับตัวไปตรวจปัสสาวะจึงพบสารเสพติด
พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนต่อไป ทาง ผกก.จะต้องทำรายงานถึง พล.ต.ต.ภาณุมาศ ว่าผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจอยู่ในความปกครองของ บก.สปพ. โดย พล.ต.ต.ภาณุมาศ จะทำรายงานถึงตน แต่ตอนนี้มีคำสั่งปลดออกไว้ก่อน และให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อกระบวนการเสร็จสิ้นจะมีการพิจารณาโทษอีกครั้งหนึ่ง ส่วนผู้บังคับบัญชาในระดับรอง สว.และ สว.ต้องถูกพิจารณาข้อบกพร่องตามระเบียบ 1212/2537 ว่ามีการปล่อยปละละเลย ไม่สอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาจนไปกระทำความผิดหรือไม่ ต่อไป
