‘ฐิติราช’เมิน’พล.ต.ต.สุทธิ’ปฏิเสธ บอก’ยิ่งปฏิเสธยิ่งดี’ หมายเรียก’แผน’คนเห็น’จรูญ’เก็บหวย(คลิป)

จากกรณีคดีพิพาทลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจกับนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูโรงเรียนเทพมงคลรังษี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ขออนุมัติหมายจับนายปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าลอตเตอรี่ ฐานแจ้งข้อความเท็จต่อพนักงานสอบสวนเพื่อแกล้งให้บุคคลอื่นต้องรับโทษ รวม 4 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 173, 174 วรรคสอง และ 267 กระทั่งมีการจับกุมดำเนินคดี และส่งฝากขังศาลอาญา โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวไปตีราคาคนละ 100,000 บาท ล่าสุดตำรวจกองบังคับการและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ดำเนินคดี พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) กาญจนบุรี ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 11 มีนาคม ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 มีนาคม คณะทำงานจะทำการประชุมเพื่อสรุปการออกหมายเรียก นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เห็น ร.ต.ท.จรูญ ก้มเก็บลอตเตอรี่ โดยการออกหมายเรียกดังกล่าวเพื่อมารับทราบข้อหาฐานร่วมกันการกระทำผิดกับนายปรีชาและนางรัตนาพร หรือเจ๊บ้าบิ่น จากการกระทำดังกล่าวที่ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยแม้นายฐนุกรจะมีการเปลี่ยนคำให้การภายหลัง แต่ก็เป็นเรื่องที่จำนนต่อพยานหลักฐาน ซึ่งจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด

พล.ต.ท.ฐิติราชยังระบุถึงการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ ว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียก นายปรีชา, นางรัตนาพร และ น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช เเม่ค้าขายลอตเตอรี่มาเพื่อเเจ้งข้อหาฐาน เกี่ยวกับการสนับสนุนในการทำคำให้การทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากับ พล.ต.ต.สุทธิ ไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งกลุ่มบุคคลที่มีหมายเรียกดังกล่าว คณะทำงานจะพิจารณาอีกทีว่าจะเป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุน โดยภายในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งคดีดังกล่าวจะมีการแยกทำเป็นอีกสำนวนคดีจากคดีหลัก ซึ่งการพิจารณามาตรา 157 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะพิจารณาสำนวนให้ครบถ้วนที่สุด ก่อนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. พิจารณาทำสำนวนส่งให้อัยการฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตต่อไป

ส่วนกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกันเพื่อไม่ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธินั้น พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า ขอให้ประชาขนเชื่อใจ เราจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ทุกอย่างดำเนินการตามพยานหลักฐาน ตำรวจเป็นเพียงกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ตำรวจจะต้องส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้อง และศาลเท่านั้นที่มีอำนาจตัดสินความผิด คนทำผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิดไม่มีการละเว้น เรื่องนี้แม้เริ่มต้นเกิดจากความเชื่อ แต่ภายหลังผู้การจังหวัดมีการแก้ไขคำให้การ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ถือเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ และส่อไปในทางทุจริต ตรงนี้ตนพูดชัดเจนประชาชนไม่ต้องกังวล จะดูเองทุกเรื่อง ส่วน พล.ต.ต.สุทธิจะปฏิเสธหรือรับสารภาพ ตำรวจไม่ได้มีความกังวล ใครจะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิ แต่เราก็รวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวนให้มากที่สุด ยิ่งปฏิเสธยิ่งดี ผลการกระทำจะบอกเองว่าใครทำผิด
อย่างไรก็ตาม การส่งหมายเรียกผู้สนับสนุนในความผิดมาตรา 157 เจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ด่วนให้กับผู้ต้องหา โดยให้มารับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 16 มีนาคมนี้

Advertisement

เมื่อถามว่าจะมีการส่งเรื่องให้ พล.ต.ต.สุทธิออกจากราชการหรือไม่ ผู้บัญชาการสอบสวนกลางกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานต้นสังกัด รวมถึงหน่วยงานที่ตรวจสอบเรื่องวินัย เป็นผู้พิจารณา

เมื่อถามต่อว่า ตำรวจ 2 นาย ที่ถูกกันไว้เป็นพยานจะถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า จะบริหารงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อไม่ให้มีช่องว่างในการต่อสู้คดี จึงต้องดูว่ามีพยานหลักฐานอื่นประกอบด้วยหรือไม่ ซึ่งตำรวจจะต้องหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบ เบื้องต้นบุคคลที่สอบปากคำไปนั้น ต้องการทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการ และสั่งผ่านใครมา เพื่อให้ขยายผลไปถึงระดับผู้สั่งการในการกระทำผิด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image