ผลตรวจสอบชัด “เสี่ยเบนซ์ เหยียบ257 กม/ต่อชม.ชนฟอร์ด ตร.จ่อตั้งข้อหาเพิ่ม

พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.พร้อมญาติผู้เสียชีวิตร่วมแถลงข่าว

 

วันที่ 29 มีนาคม เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เดินทางมาตรวจสำนวนคดี ที่นายเจนภพ วีรพร ได้ขับรถเบนซ์พุ่งชนรถเก๋ง จนไฟลุกบนถนนพหลโยธิน เขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และทำให้นิสิตปริญญาโท เสียชีวิต 2 ศพ โดนเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา และตำรวจได้แจ้งข้อหา ว่าขับรถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทรัพย์สินเสียหายแล้ว

จากนั้น พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำพนักงานสอบสวนและนายตำรวจที่ร่วมรับผิดชอบในคดี เข้าชี้แจงความคืบหน้า พบว่าตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน พยานวัตถุ ผลการตรวจสอบทางวิทยาการ และสอบพยานไปแล้ว 29 ปาก จากจำนวน 41 ปาก ซึ่งมีความชัดเจนในสำนวน อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาขับรถเร็วเพิ่มอีก 1 คดี ส่วนคดีเมาสุราแล้วขับรถนั้นแจ้งไปแล้ว แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ส่วนสำหรับวันนี้เป็นการครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 2 หลังจากฝากขังครั้งที่ 1 เป็นเวลา 12 วันแล้ว โดยวันนี้ผู้ต้องหาไม่ได้มาศาล เพราะต้องเข้าห้องผ่าตัดหัวเข่า โดยตำรวจได้ยื่นขอฝากขังต่อศาลครั้งที่ 2 ตามกำหนดเดิม

201603291149021-20021028190200

Advertisement

ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.อ.พงศพัศ ได้แถลงผลความคืบหน้าโดยระบุว่า วันนี้ได้เดินทางร่วมกับญาติผู้เสียชีวิต มาตรวจสอบความคืบหน้า ซึ่งพบว่าได้แจ้งข้อหาไปแล้ว 2 คดี คือคดีที่ 1.ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายซึ่งผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว คดีที่ 2 เมาสุราแล้วขับขี่รถยนต์จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยจากพยานหลักฐานทั้งหมดระบุชัดว่า รถเบนซ์วิ่งด้วยความเร็วสูง 215-257 กิโลเมตร/ชั่วโมง จึงจะให้แจ้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา คือ 1.ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และ 2.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และทุกข้อหาจะสรุปสำนวนคดีส่งให้อัยการได้ก่อนสิ้นเดือนเมษายนนี้

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.พงศพัศระบุว่า ตำรวจมีความมั่นใจในพยานหลักฐานทุกข้อหาว่าจะเอาผิดได้ และญาติผู้เสียชีวิตต้องการให้ตำรวจทำงานตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานและข้อกฎหมาย รวมถึงต้องการให้ประชาชน สังคม และตำรวจ ตระหนักถึงอันตรายจากการขับรถเร็วและประมาท รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายกับคนทุกคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image