วันที่ 29 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สภ.เมืองอุทัยธานี นางจำปี ยี่สุ่นทอง อายุ 40 ปี ชาวบ้านหมู่ 8 ต.น้ำทรง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ พร้อมด้วยชาวบ้านนับ 100 ราย รวมตัวกันเข้าร้องขอความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เมืองอุทัยธานี หลังคดีที่บุตรชาย นายสายชล ยิ้มแย้ม อายุ 20 ปี ถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จนเสียชีวิต ข้างรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ พร้อมปลอกกระสุน 1 นัด ที่บริเวณเขื่อน ต.เกาะเทโพ อ.เมือง จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา แต่คดีความนั้นล่าช้าและไม่คืบหน้าเท่าที่ควร จึงได้รวมตัวกันเข้าขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นช่วยเร่งหาตัวผู้ลงมือก่อเหตุมารับโทษให้เร็วที่สุด
น.ส.เบญจา ยิ้มแย้ม พี่สาวผู้ตาย เล่าว่า คดีการเสียชีวิตของน้องชายตนนั้น ทางครอบครัวและญาติมุ่งปมไปที่การถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน เข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีภารกิจและหน้าที่อยู่มากมาย แต่อยากให้คดีการสืบสวนและการดำเนินการคืบหน้ากว่านี้เพราะคดีเข้าเดือนที่ 3 แล้ว แต่ทุกอย่างยังทำได้แค่รอผลพิสูจน์ ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่าคดียังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการขั้นแรกๆ เท่านั้น ที่ผ่านมาทางครอบครัวได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด ทั้งหาหลักฐานเบาะแสคนร้ายต่างๆ เพื่อหวังให้ได้ตัวผู้ร้ายมารับโทษให้เร็วที่สุด จนวันนี้ทางครอบครัวได้นำรูปถ่ายซึ่งมีคราบเลือดกระเด็นไปติดอยู่ท้ายล้อรถจักรยานยนต์ และคราบเลือดที่ติดอยู่บนก้อนหินแต่อยู่ตรงจุดใต้สะพานซึ่งพบกองก้อนหินอยู่หลายก้อนและพบกองเลือดอยู่จำนวนหนึ่ง แต่จุดนั้นห่างจากจุดที่พบผู้ตายประมาณ 80 เมตร โดยศพผู้ตายนั้นอยู่บริเวณทางลงสะพานซึ่งเป็นถนนสายหลักและมีรถวิ่งสัญจรตลอด จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยนำคราบเลือดที่ก้อนหินนั้นไปตรวจหาเจ้าของเลือดดังกล่าวว่าเป็นของใคร และหากว่าคราบเลือดเป็นของผู้ตายจริง การตายของน้องชายตนในครั้งนี้น่าจะมีเงื่อนงำมากขึ้นอีก อยากให้ช่วยเร่งสืบสวนคดีให้เร็วกว่านี้
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ แก้วจรัส ผกก.สภ.เมืองอุทัยธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ร้อยเวรและพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว ได้เข้าชี้แจงและให้เหตุผลแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต และชาวบ้านในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เข้าใจและทราบถึงขั้นตอนและความคืบหน้าการดำเนินคดี

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวอีกว่า คดีนี้เป็นคดีที่ญาติผู้ตายมาเรียกร้องความเป็นธรรมที่สถานีตำรวจ ว่าทำไมสำนวนคดีไม่คืบหน้า แต่จริงๆ แล้วทางตำรวจได้มีการสอบปากคำและได้ดำเนินการตามแนวทางการสืบสวนมาโดยตลอด เพียงแต่ว่าประเด็นที่ชาวบ้านมาซึ่งเป็นญาติทั้งหมดเขาคิดว่าน่าจะจับผู้ต้องหาได้ แต่จริงๆ ในที่เกิดเหตุมีพยานอยู่สองคนเท่านั้น โดยจากการสืบสวนไม่พบร่องรอยอะไร สำหรับเวลาที่ล่วงเลยมากว่า 2 เดือนนั้น มีหลักฐานบางอย่างที่ต้องส่งพิสูจน์ ทั้งอาวุธปืนที่เกี่ยวกับนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด แล้วค่อยกลับมาประกอบสำนวนคดีต่อไป สำหรับฝ่ายสืบสวนก็ดำเนินการสอบปากคำมาโดยตลอด ซึ่งจากการที่ชาวบ้านมาก็ได้คุยกับทางญาติว่าถ้าทางญาติมีประเด็นหรือวัตถุพยานอะไรเพิ่มเติมที่จะนำไปสู่ตรงนี้ได้ ขอให้บอกเราก็จะลงไปสอบเพิ่มเติม สำหรับสำนวนคดีเรายังไม่สรุปคดี ทางญาติก็เข้าใจว่าทำไมตำรวจไม่สรุปสำนวนสักที ดำเนินการได้ช้า สรุปว่าเป็นฆ่าตัวตายอะไรต่างๆ นานา ซึ่งจริงๆ แล้วยังไม่ได้สรุป โดยทางตำรวจเข้าใจว่าทางญาติอาจจะเกิดจากความเครียดแต่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ เราทำตามขั้นตอนทางกรรมวิธีของตำรวจ
ขณะที่ พ.ต.ท.อนันต์ อัศวรัตน์ พนง.ผนก.สภ.เมืองอุทัยธานี ได้กล่าวต่อว่า ในกรณีนี้ได้มีประเด็นเพิ่มเติมที่น่าสงสัยก็จะทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมคือ การสอบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมทั้งส่งเลือดไปตรวจ และสอบพฤติการณ์ที่มีภาพเปื้อนเลือดในวงล้อรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ซึ่งใครเจอลักษณะไหนก็ต้องดำเนินการสอบตามแนวสอบสวนต่อไป