เลื่อนอ่านฎีกาคดี’พ.ต.ท.-ลูกน้อง’อุ้มยัดยาบ้า เป็น11เม.ย. เหตุจำเลยป่วย

เมื่อวันที่ 22มีนาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 709ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.830/2549 ที่นางกรองกาญจน์ ถิ่นอ่อน อายุ53ปี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.สมิง รอดรัตษะ อดีต สว.สส.สน.พญาไท พ.ต.ท.พรรณศักดิ์ วรบูลย์สวัสดิ์ อดีตรอง สว.สส.สน.พญาไท ร.ต.อ.กิตติพงษ์ สิมมาลี ด.ต.ภิญโญ แสงทิพย์ ด.ต.อภิทักษ์ แก้วเกลื่อน ด.ต.อวยชัย ทับสุรีย์ จ.ส.ต.บุญเรือง บุตรวงศ์ จ.ส.ต.รุ่ง ทิพย์ขำ จ.ส.ต.หญิงศศิธร ทับสุรีย์ จ.ส.ต.วันเผด็จ แท่นรัตน์ และ ส.ต.ท.สุธรรม แย้มช่วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พญาไท (ยศและตำแหน่งขณะเกิดเหตุปี 2548) เป็นจำเลยที่ 1-11ฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2548จำเลยทั้ง11 ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนางกรองกาญจน์ โดยไม่มีหมายจับของศาล โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับข่มขืนใจโจทก์ให้ขึ้นรถยนต์ไปกับพวกจำเลย ระหว่างนั้นใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้เพื่อข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพคดีมียาบ้า 100 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2548เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 11 คนมีหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีอาญา ตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำความผิด อันเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโจทก์โดยไม่มีหมายจับของศาล จับกุมโจทก์ไปจากท่าอากาศยานกรุงเทพดอนเมือง โดยใช้กำลังและอาวุธบังคับโจทก์ให้ขึ้นรถไปกับจำเลย ในระหว่างอยู่บนรถจำเลยกับพวกใช้ถุงดำคลุมศีรษะและรัดคอโจทก์ไว้ในระหว่างที่นั่งรถยนต์ จำเลยกับพวกข่มขู่ให้โจทก์รับสารภาพ โดยตั้งข้อหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน100เม็ด โจทก์ปฏิเสธ จำเลยไม่ยอมปล่อยตัวโจทก์ และไม่นำส่งพนักงานสอบสวนหรือพาไปยังสถานีตำรวจ

ต่อมาจำเลยกับพวกให้โจทก์พาไปที่สถานที่โกดังของโจทก์เพื่อตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จำเลยกับพวกร่วมกันทำเอกสารการจับกุมและเอกสารอื่นๆอันเป็นเท็จ โดยบังคับให้โจทก์ลงลายมือชื่อ โดยเอกสารดังกล่าวได้จัดพิมพ์ไว้แล้ว และมีข้อความว่ารับสารภาพ เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162, 172, 309, 310 ทวิ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

Advertisement

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเป็นลำดับขั้นตอน หากไม่เป็นความจริงยากที่จะปั้นแต่งเรื่องขึ้นเอง โจทก์เบิกความได้สอดคล้องกับนางชลลดา พยานโจทก์ เนื่องจากนางชลลดาถูกกลุ่มจำเลยจับกุมไปตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2548 โดยกลุ่มจำเลยบังคับให้นางชลลดาโทรศัพท์หาโจทก์ เพื่อให้โจทก์เดินทางมาพบ เมื่อโจทก์ถึงสนามบินดอนเมืองจึงถูกจับกุม นอกจากนี้คำเบิกความโจทก์ยังสอดคล้องกับ หนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ลงฉบับวันที่22 กันยายน 2548 และสอดคล้องกับคำเบิกความที่โจทก์เป็นจำเลยในคดีหมายเลขแดง ที่ 7010/2549

เห็นว่าแม้โจทก์จะเบิกความถึง 2 ครั้ง แต่มีความแตกต่างกันด้านเวลา ยังสามารถเบิกความได้อย่างละเอียด เชื่อว่าโจทก์เบิกความไปตามจริงให้จำคุก จำเลยที่ 1, 2, 7, 8, 10 และ 11 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 6และ 9 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ จำคุกคนละ 4 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3, 4และ 5

ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่1,2,7,8,10,11 มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 เป็นบทหนักสุด จำคุกจำเลยที่ 1,2,7,10 คนละ 4 ปี และจำคุกจำเลยที่ 8,11 คนละ 3 ปี ส่วนจำเลยที่3,4,5,6 และ9 ให้ยกฟ้อง ภายหลังจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราว โดยใช้หลักทรัพย์ประกันตัว คนละ 500,000 บาท

Advertisement

ต่อมาจำเลยยื่นฎีกา โดยวันนี้ พ.ต.ท.พรรณศักดิ์ จำเลยที่ 2 ด.ต.อวยชัย จำเลยที่ 6 จ.ส.ต.บุญเรืองจำเลยที่ 7 จ.ส.ต.รุ่ง จำเลยที่ 8 จ.ส.ต.วันเผด็จ จำเลยที่ 10 และ ส.ต.ท.สุธรรมจำเลยที่ 11 มาศาล พร้อมทนายความ ส่วน จำเลยที่ 3,4,5 ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง จึงไม่ยื่นฎีกา ขณะที่ พ.ต.ท.สมิง จำเลยที่ 1 และ จ.ส.ต.หญิงศศิธร จำเลยที่ 9 ไม่มาศาล เนื่องจากป่วยนอนอยู่โรงพยาบาล ไม่สามารถมาศาลได้ โดยมีใบรับรองแพทย์มายื่นแสดงต่อศาล

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าพ.ต.ท.สมิง จำเลยที่ 1 และ จ.ส.ต.หญิงศศิธร จำเลยที่ 9 มีอาการป่วย โดยมีใบรับรองแพทย์ เชื่อว่าป่วยจริง ทำให้ไม่อาจอ่านคำพิพากษาได้ จึงเห็นควรให้เลื่อนไปอ่านคำพิพากษาฎีกาอีกครั้ง ในวันที่ 11 พฤษภาคม เวลา 09.00 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image