วันที่ 30 มี.ค.59 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้ากรณีครอบครัวของนางกมลวรรณ เจริญศิริ อายุ 48 ปีที่พิการขาส่วนสามีพิการทางแขนโชคชะตาไม่เข้าข้างได้เกิดอุบัติเหตุถูกรถประจำทางสาย 33 เฉี่ยวชนพร้อมกับด.ญ.ชุติกาณ์ หรือน้องแหวน มีภัย อายุ 9 ปีบุตรสาวในขณะที่แม่เป็นผู้ขับขี่รถสามเครื่องคนพิการโดยมีบุตรสาวเป็นผู้นั่งซ้อนกำลังขับขี่พากันกับบ้านหลังจาก 2 แม่ลูกออกตระเวนขายไอศครีมตามโรงเรียนและหมู่บ้าน จนกระทั้งมาประสบอุบัติเหตุจึงเป็นเหตุให้ถูกรถประจำทางสาย 33 ของ(บริษัท กิตติสุนทร จำกัด ) วิ่งระหว่างปทุมธานี – สนามหลวง หมายเลขทะเบียน 10-3630 กทม. นั้นเฉี่ยวชนและทับท่อนล่างของน้องแหวน เป็นเหตุให้แพทย์ต้องทำการตัดขาขวาทิ้งเหตุเกิดบริเวณแยกสัญญานไฟห้าแยกปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 3 มี.ค.59 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือนน้องแหวน วัย 9 ปียังคงนอนรักษาตัวอยู่ภายในห้อง ไอ ซี ยู ของร.พ.ศิริราช และมีค่าใช้ไปแล้วกว่า 2 แสนบาท โดยเงินที่ใช้จ่ายไปนั้นได้รับการบริจาคจากผู้ใจบุญและมีจิตศรัทธา นำเงินมาช่วยเหลือขณะเดียวกัน นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการ จ.นนทบุรี และหน่วยกาชาด จ.นนทบุรี ที่ทราบข่าว ได้เดินทางพร้อมคณะเข้ามามอบของและรถวีลแชร์คันใหม่ให้ไว้ใช้งานพร้อมกับรับปากจะทำการปรับปรุงห้องน้ำภายในห้องพักเพื่อให้เข้าใช้ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 มี.ค.59 ทาง ร.ต.อ.ภานุวัฒน์ หะรังศรี พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้นัดฝ่ายทางคู่กรณีคือรถประจำทางซึ่งเป็นผู้เฉี่ยวชนมาพูดคุยรวมถึงเจ้าหน้าที่ของบริษัทอาคเนย์ ประกันภัย ที่เป็นผู้รับผิดชอบทางด้าน พรบ.ของฝ่ายรถประจำทางมาตกลงถึงค่าสินไหมที่ทางนางกมลวรรณ และน้องแหวน จะได้รับ โดยทางบริษัทอาคเนย์ ประกันภัย ยินดีที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามระบบข้อตกลงคือ จำนวน 200,000 บาท (สองแสนบาท) ให้กับน้องแหวน ที่เข้าข่ายสูญเสียอวัยวะไป
ส่วนทางด้านนางกมลวรรณ ฯได้มีการเรียกร้องค่าเสียหายจำนวนเงิน 6,000,000 (หกล้านบาท) กับทางฝ่ายรถประจำทางโดยมีนายจำเนียร สาอุต เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่อุบัติเหตุ และเป็นตัวแทนของ(บริษัท กิตติสุนทร จำกัด ) มารับเรื่องโดยให้ข้อมูลและรายละเอียดกับทางผู้สื่อข่าวว่า ตนได้เป็นตัวแทนของทางบริษัทมารับเรื่องในวันนี้ซึ่งทางนางกมลวรรณ ฯที่เป็นฝ่ายผู้เสียหายได้มีการเรียกร้องจำนวนเงิน 6 ล้านบาทนั้น ทางตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปเสนอกับทางบริษัทเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้มีการช่วยเหลือเป็นเงินแล้วจำนวน 30,000 บาท(สามหมื่นบาท) ในเบื้องต้น
นางกมลวรรณ ฯ กล่าวทั้งน้ำตาว่า อาการน้องแหวน นั้นล่าสุดได้ทำการถอดเครื่องช่วยหายใจออก แต่ยังคงใส่ท่อยางเพื่อให้อาหารเหลวทางจมูกและมีการบ่นปวดขาตลอดเวลารวมถึงบางวันมีไข้ขึ้นสูง และวอนถึงคู่กรณีผ่านทางสื่อมวลชน ว่าที่ตนเองได้เรียกร้องขอค่าเสียหายจำนวน 6 ล้านบาทไปนั้น เป็นเงินก้อนที่สำคัญ ต่อทางครอบครัวตนมาก เพราะจะต้องนำมาเป็นค่ารักษาพยาบาลจนกว่าน้องแหวนจะหายดีและออกจาก ร.พ.รวมถึงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ที่จะเกิดขึ้นหลังจากน้องแหวน ออกมาใช้ชีวิตที่ลำบากอยู่ในห้องพักแคบๆห้องหนึ่ง ซึ่งผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีร่างกายพิการอยู่แล้ว ขณะที่ทางน้องแหวนต้องสูญเสียขาไป 1 ข้าง ทั้งที่ปกติน้องแหวนเปรียบเหมือนเสาหลักเป็นที่พึ่งพิงเป็นแขนเป็นขาค่อยช่วยเหลือ พ่อและแม่ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเหตุให้ครอบครัวของตนนั้นเป็นครอบครัวที่พิการทั้งครอบครัว จึงวอนขอความเห็นใจผ่านทางสื่อมวลชน ให้ทางด้านบริษัท กิตติสุนทร จำกัด ชดใช้ค่าเสียหายในยอดจำนวนเงินที่ได้ร้องขอไป เพื่อให้ทางครอบครัวตนนั้นนำไปใช้ดูแลเป็นทุนเอาไว้เลี้ยงชีพเลี้ยงลูกและครอบครัวได้
ขณะที่ ร.ต.อ.ภานุวัฒน์ หะรังศรี กล่าวว่าทางด้านคดีความได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหา ต่อผู้ขับขี่ขณะเกิดเหตุ ขับรถโดยประมาทมีเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส กับนายจันดี บุรมศรี อายุ 67 ปี เป็นพนักงานขับรถประจำทางในวันที่เกิดเหตุ ส่วนทางนายจันดีฯผู้ขับขี่ยังให้การปฎิเสธอยูุ่ ซึ่งขณะนี้ยังจะต้องรอใบชันสูจน์บาดแผลประกอบในคดีอาญา จากทาง ร.พ.ศิริราช นำมาประกอบสำนวนคดีเพื่อรวบรวมส่งให้กับทางอัยการพิจารณาคดีต่อ ส่วนในวันที่ 7 เมษายน 59 จะมีการนัดหมายคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกันอีกครั้งต่อไป